ส่งออกไก่ไทยฉลุย สศก. มั่นใจ ขยายตัวเพิ่ม แนะเฝ้าระวังสถานการณ์ไข้หวัดนก

ข่าวทั่วไป Friday April 26, 2013 15:01 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุ ทิศทางการส่งออกไก่ไทยฉลุย แนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น เนื่องจากไก่ไทยคุณภาพดี และฝีมือการตัดแต่งชิ้นส่วนที่ผลิตได้โดนใจผู้นำเข้า แนะ พัฒนาสินค้า และสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายตลาดและการลงทุนจากการเปิดเสรีการค้า พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ไข้หวัดนกอย่างใกล้ชิด

นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.)กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์ไก่เนื้อ ซึ่งคาดว่าการผลิตไก่เนื้อของไทยยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดรับกับจำนวนประชากรและการส่งออกที่ขยายตัว หลังจากเริ่มส่งออกไก่สดแช่แข็งไปในหลายประเทศ โดยปี 2556 คาดว่าไทยจะสามารถผลิตไก่เนื้อได้ประมาณ 1,077.05 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจาก 1,055.93 ล้านตัว ในปี 2555 สำหรับราคาที่เกษตรกรขายได้ในปี 2556 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 44 บาท เพิ่มขึ้นจาก กก.ละ 41.91 บาทในปี 2555 เนื่องจากราคาไก่เนื้อปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และค่าแรงงาน

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนแนวโน้มการขยายตัวการส่งออกไก่ โดยเฉพาะไก่สดแช่เย็นแช่แข็งของไทยในปี 2556 พบว่า ในส่วนตลาดญี่ปุ่นนั้น มีความเป็นไปได้ที่สินค้าไก่สดจากไทยจะไปทดแทนการนำเข้าจากบราซิล เนื่องจากไก่ของไทยนับว่าเป็นสินค้าที่ได้คุณภาพ โดยเฉพาะในเรื่องฝีมือการตัดแต่งชิ้นส่วนที่สามารถผลิตได้ตรงกับความต้องการของผู้นำเข้า ขณะที่ตลาดอียู (ตลาดนำเข้าไก่อันดับสามของโลก และมีความต้องการนำเข้าไก่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง) และมีความเป็นไปได้ที่อียูจะหันมานำเข้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจากไทยมากขึ้น โดยใช้สิทธิประโยชน์จากโควตาการส่งออกที่ไทยได้รับ (92,610 ตันต่อปี โดยเสียภาษีร้อยละ 15.4) ขณะที่ปัจจุบันอียูนำเข้าจากบราซิลเป็นหลัก ซึ่งปริมาณการนำเข้าจากบราซิลได้เกินโควตา (170,807 ตันต่อปี) ส่งผลให้ผู้นำเข้าต้องเสียภาษีในอัตราที่ค่อนข้างสูง โดยภาษีนอกโควตาสำหรับไก่สดอยู่ที่ตันละ 1,300 ยูโร

เลขาธิการ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันการเลี้ยงไก่และการผลิตของไทยจะเป็นระบบปิด แต่ทุกฝ่ายคงต้องเฝ้าระวังการเกิดโรคไข้หวัดนกในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอีกด้วย นอกเหนือจากความพยายามในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องแล้ว ทางผู้ประกอบการส่งออกไก่ไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้นำเข้าได้อย่างตรงจุดและหลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้สินค้าไก่ของไทยมีมูลค่าเพิ่มและสามารถฉีกหนีการแข่งขันด้านราคาจากคู่แข่ง รวมถึง การแสวงหาตลาดศักยภาพใหม่ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ และรัสเซีย ที่มีแนวโน้มเพิ่มความต้องการนำเข้าสินค้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจากไทยมากขึ้นอย่างเด่นชัดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังต้องให้ความสำคัญตลาดอาหารฮาลาล ซึ่งมีการประเมินว่า จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรมุสลิม ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรโลกในปี 2563 ตลอดจนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ว่าอาหารฮาลาลเป็นอาหารที่มีความสะอาดและปลอดภัย แม้ผู้บริโภคเหล่านั้นจะไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามก็ตาม รวมไปถึงการอาศัยประโยชน์จากการเปิดเสรี AEC ในการขยายตลาด การเป็นแหล่งวัตถุดิบนำเข้า และการขยายการลงทุน โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างพม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งจะมีการปรับลดอัตราภาษีลงเป็นร้อยละ 0 สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ในปี 2558 ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มอาเซียนยังมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ที่ดี และมีความต้องการบริโภคอาหารหรือสินค้าไทยที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายกับทุกกลุ่มลูกค้า

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ