นายฉัตรชัย เต้าทอง ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 11 อุบลราชธานี (สศข.11) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลพร้อมทั้งประชาคมผู้นำชุมชน โดยร่วมกับสำนักนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดทำโครงการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ทุ่งหมาหิว ฝั่งซ้ายลำเซบก กว่า 20,000 ไร่ ในเขตพื้นที่ ต.จิกเทิง ต.ตาลสุม อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทาน คือ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว และคลองส่งน้ำดินที่ชำรุดแต่สามารถใช้ได้เป็นบางส่วน มีหนองน้ำขนาดใหญ่ 5 แห่ง ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นแก้มลิงได้ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องสูบน้ำและคลองส่งน้ำที่ อบต. ได้จัดสร้างและพัฒนาคลอง น้ำต่อ แต่เครื่องสูบน้ำดังกล่าว มีกำลังการสูบน้อยจึงทำให้ไม่พอต่อความต้องการของเกษตรกร โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกข้าวนาปี นาปรัง ปลูกบัว ข้าวโพด พริก และ มะเขือ เป็นต้น ซึ่งผลผลิตที่ได้นั้นเกษตรกรจะทำการตลาดเองในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่า เกษตรกรมีศักยภาพในการทำการเกษตร แต่ยังขาดการรวมกลุ่มทำการเกษตร โดยโครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทานมีเครื่องมือที่สร้างนำมาปรับใช้ได้ในบางส่วนแต่จะต้องมีการจัดระบบใหม่ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิน พบว่า สภาพดินเป็นดินร่วนปนทราย และส่วนใกล้ลำน้ำเป็นดินเหนียวปนทรายมีความอุดมสมบูรณ์
สำหรับแนวทางที่จะดำเนินการพัฒนาทุ่งหมาหิว ทาง สศข.11 จะเข้าสำรวจพื้นที่ ฝั่งขวาของลำเซบก ด้านอำเภอดอนมดแดง เพื่อศึกษาพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ชลประทาน ศักยภาพและความต้องการของเกษตรกร พร้อมเตรียมประชุมเพื่อประสานหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับ อบต. กำหนดพื้นที่หรือแหล่งน้ำที่ต้องการพัฒนาเรียงลำดับความสำคัญ นอกจากนี้ จะดำเนินการสำรวจความต้องการของภาคเอกชน พร้อมเตรียมข้อมูลทำคอนแทรคฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) ในการจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่ทุ่งหมาหิว ทั้งนี้ สศข.11 จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับแนวทางที่จะจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่ทุ่งหมาหิวให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--