นายธวัชชัย ประยูรสิน ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 10 ราชบุรี (สศข.10) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการประมาณการภาวะเศรษฐกิจการเกษตรจังหวัดราชบุรี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 พบว่า ภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อภาคเกษตรในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 คือปัจจัยด้านปริมาณน้ำฝนที่อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในการผลิตพืช รวมทั้งปัญหาแมลงศัตรูพืชและโรคระบาดต่างๆ ที่ยังไม่รุนแรงมากนัก ซึ่งเมื่อจำแนกเป็นรายสาขา พบว่า สาขาพืช ขยายตัวร้อยละ 0.7 ซึ่งมีทิศทางเติบโตได้ดี โดยเฉพาะข้าว เนื่องจากนโยบายการรับจำนำข้าว ทำให้การบริการทางการเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้น เกษตรกรจึงมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย โดยอ้อยโรงงานยังเป็นสินค้าสำคัญที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากราคาปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนสับปะรดและมันสำปะหลังผลผลิตลดลง เนื่องจากราคาค่อนข้างต่ำ
ด้านสาขาปศุสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 3.9 โดยปริมาณการผลิตน้ำนมดิบ สุกร และไก่เนื้อ เพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการบริโภคอย่างต่อเนื่อง ส่วนราคาอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนสาขาประมง ขยายตัวร้อยละ 0.8 โดยมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ การเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ปลาน้ำจืด เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีจากการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลมาปรับใช้ได้ดีในการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามส่งผลให้ปริมาณผลผลิตสูงขึ้น รวมทั้งมีการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสาขาการบริการทางการเกษตรขยายตัวร้อยละ 4.9 เนื่องจากมีการขยายพื้นที่ปลูกข้าวเพิ่มขึ้น ทำให้มีการจ้างเตรียมดิน และจ้างเก็บเกี่ยวมากขึ้นรวมทั้งการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังเป็นอ้อยโรงงานมากขึ้น ส่งผลให้สาขาบริการทางการเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ สาขาป่าไม้ พบว่า หดตัวร้อยละ 1.5 เนื่องจากมีการปลูกป่าเก็บหาผลิตภัณฑ์จากป่าเช่น ขี้ค้างคาว มีปริมาณน้อยลงเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้สาขาป่าไม้ลดลงเล็กน้อย
ด้านดัชนีผลผลิตภาคเกษตรในภาพรวมช่วงครึ่งแรกของปี 2556 พบว่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 ส่วนดัชนีราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับการเติบโตของภาคเกษตร
ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรปี 2556 ของจังหวัดราชบุรี คาดว่า จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 1.7 - 2.7 โดยสาขาพืช ขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 0.3 - 1.3 สาขาปศุสัตว์ ขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 3.4 - 4.4 สาขาประมงขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 4.2 - 5.2 สาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 4.4 - 5.4 และสาขาป่าไม้ คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 1.9 - 2.9 โดยยังมีปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคเกษตร ได้แก่ ปริมาณน้ำฝน ภาวะภัยแล้งฝนทิ้งช่วง การระบาดของเพลี้ยกระกระโดดสีน้ำตาล รวมถึงนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยน และราคาน้ำมัน นายธวัชชัย กล่าวในที่สุด
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--