นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การผลิตถั่วเหลืองว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2552-2556 พบว่า เนื้อที่เพาะปลูกถั่วเหลืองลดลง คิดเป็น ร้อยละ 22 ส่งผลให้ผลผลิตลดลงถึงร้อยละ 24 ซึ่งในปีเพาะปลูก 2556/57 คาดว่าจะมีเนื้อที่เพาะปลูกเหลืออยู่ 2.6 แสนไร่ ผลผลิตรวม ประมาณ 0.7 แสนตัน ในขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศมีมากถึง 2.3 ล้านตัน โดยเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ซึ่งมี สศก. เป็นฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ ได้มีมติกำหนดราคารับซื้อ ถั่วเหลืองขั้นต่ำ แยกตามชั้นคุณภาพ โดยพิจารณาจากต้นทุนการผลิตถั่วเหลืองรวมรุ่นเฉลี่ยทั้งประเทศที่ สศก. จัดทำขึ้น ปี 2556 บวกด้วยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนตามระยะเวลาการปลูก 4 เดือน เพื่อใช้กำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำแยกตามชั้นคุณภาพ และนำไปใช้กำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำในปี 2557 ด้วย ซึ่งได้แก่ ถั่วเหลืองเกรดที่ใช้สกัดน้ำมัน ราคารับซื้อขั้นต่ำ ณ ไร่นา กิโลกรัมละ 15.50 บาท ส่วน ณ หน้าโรงงาน กทม. 16.25 บาท หากเป็นอาหารสัตว์ ณ ไร่นา 15.75 บาท ส่วน ณ หน้าโรงงาน กทม. 16.50 บาท และถ้าใช้แปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร ณ ไร่นา 17.75 บาท และ ณ หน้าโรงงาน กทม. 18.50 บาท ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า มีการกำหนดราคาเพื่อรองรับการผลิตในปี 2557 ไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เกษตรกรต้องควบคุมและลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด ก็จะทำให้มีกำไรสูงสุดได้
เลขาธิการ กล่าวทิ้งท้ายว่า ถั่วเหลือง ถือพืชที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจัดเป็นทั้งพืชน้ำมัน พืชอาหาร วัตถุดิบอาหารสัตว์ ที่สำคัญ ถั่วเหลืองยังเป็นแหล่งโปรตีนจากพืช และยังเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหารของคนไทยและอาเซียนอีกด้วย แต่แนวโน้มกลับมีพื้นที่ปลูกในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นว่าการปลูกถั่วเหลืองในประเทศยังมีอนาคตสดใส เพราะคุณสมบัติพิเศษของถั่วเหลืองไทยที่เป็น Non-GMOs คือไม่มีการตัดแต่งพันธุกรรม สามารถใช้เป็นจุดขายได้ในเรื่องดังกล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--