นายอนันต์ ลิลา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า สศก. โดยผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศการเกษตร (นางอัญชนา ตราโช) และ ผู้จัดการโครงการระบบสารสนเทศเพื่อความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน Asean Food Security Information System: AFSIS (นายมณฑล เจียมเจริญ) ได้เข้าร่วมประชุมหารือ “Fourth Session of The AMIS Global Food Market Information Group ระหว่างวันที่ 1- 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ FAO กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยร่วมหารือเกี่ยวกับระบบข้อมูลการตลาดสินค้าเกษตร (Agricultural Market Information System) เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานและรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้แทนของแต่ละประเทศในการจัดทำข้อมูลเพื่อปรับปรุง แก้ไขและให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ได้ข้อมูลการผลิต การตลาด โดยเฉพาะข้อมูลบัญชีสมดุลสินค้าเกษตรที่สำคัญสำหรับใช้ในการกำหนดนโยบายทางการผลิต การตลาด ซึ่งจัดโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ภายใต้ระบบข้อมูลการตลาด (Agricultural Market Information System: AMIS) มีผู้แทนด้านข้อมูลจากประเทศสมาชิก G20 และประเทศที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตร 4 ชนิด (ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด และ ถั่วเหลือง) รวม 7 ประเทศ ได้แก่ อียิปต์ คาซัคสถาน ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ ไทย ยูเครน และเวียดนาม ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนทางด้านงบประมาณและวิชาการ เช่น IFAD, IGC, IFPRI และ The World Bank รวม 10 องค์กรเข้าร่วม ในการนี้ ที่ประชุมได้มีการนำเสนอถึงสถานการณ์การผลิตการตลาด สต๊อกสิ้นปีของสินค้าเกษตรทั้ง 4ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วเลือง รวมทั้งการคาดการณ์ล่วงหน้าในปีเพาะปลูก 2556/57 เป็นรายประเทศและภาพรวมของโลก ตลอดจนการติดตามสถานการณ์การผลิตโดยใช้ข้อมูลระยะไกล การกำหนดตัวชี้วัดทางการตลาด อีกทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำข้อมูลบัญชีสมดุลและข้อมูลพยากรณ์การผลิตสินค้าเกษตรเป็นรายเดือนระหว่างผู้แทนแต่ละประเทศเพื่อหาข้อสรุปในการรปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานที่ผ่านมาให้มีความถูกต้อง รวดเร็ว สอดคล้องกับความต้องการของประเทศสมาชิกยิ่งขึ้น
ด้านนางอัญชนา ตราโช ผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศการเกษตร สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของประเทศไทย ได้ร่วมนำเสนอข้อมูลและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการจัดทำข้อมูลความมั่นคงด้านอาหารระดับภูมิภาคอาเซียนเพื่อให้ที่ประชุมได้รับทราบความร่วมมือในการพัฒนาและจัดทำข้อมูลการเกษตรของประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้โครงการ AFSISรวมถึงข้อมูลทางการเกษตรสำคัญที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยสามารถพัฒนาระบบทั้งสองให้สามารถเชื่อมโยงหรือจัดทำข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียวได้ ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม จากการรายงานผลการดำเนินงานในที่ประชุม ทำให้ทราบว่าข้อมูลจากหลายประเทศยังขาดความครบถ้วนและความสอดคล้องกันของข้อมูล เนื่องจากมีความแตกต่างกันตามแหล่งข้อมูลในแต่ละที่ สำหรับประเทศไทยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของข้อมูลความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียนแล้ว การจัดทำข้อมูลการตลาดสินค้าเกษตรนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะข้อมูลบัญชีสมดุล ข้อมูลการพยากรณ์และสถานการณ์สินค้าเกษตร ซึ่งที่ประชุมต้องการให้ทุกประเทศจัดทำให้ครบถ้วนเป็นรายเดือน
ดังนั้น FAO จึงเสนอให้การสนับสนุนในการพัฒนาการจัดทำข้อมูลการตลาดสินค้าเกษตรให้แก่ประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศนอกสมาชิกที่ส่งออกข้าวหลักของโลก โดยมุ่งเน้นทั้งการพัฒนาวิชาการ โดยเฉพาะบุคลากร เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน มีความน่าเชื่อถือและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้ข้อมูล ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าว นับว่าได้รับความร่วมมือจากผู้แทนประเทศสมาชิก G20 และประเทศนอกสมาชิกอีก 7 ประเทศ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศอีก 10 องค์กรเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูล และความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อมูลการตลาดสินค้าเกษตรรายงานสถานการณ์การผลิตการตลาด ให้ทุกประเทศสามารถนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายทางการผลิตการตลาด ได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ รวมทั้งบุคลากรยังได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถในการทำงานมากขึ้นอีกด้วย นางอัญชนา กล่าวทิ้งท้าย
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--