นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ รองเลขาธิการและรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมร่วม 3 ฝ่าย ระหว่างกลุ่มเกษตรกร ภาคเอกชน และภาครัฐ เพื่อระดมความเห็นจัดทำข้อมูลการผลิตสับปะรดโรงงานให้เป็นที่ยอมรับทุกภาคส่วน เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2556 ซึ่งต้นทุนการผลิตสับปะรดโรงงานที่ผ่านมานั้น สศก. ได้จัดทำต้นทุนการผลิตที่ยึดหลักวิชาการตามแนวคิดทฤษฎีด้านเศรษฐศาสตร์เป็นสำคัญ และได้คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงตามพฤติกรรมการปลูกของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ โดยข้อมูลสับปะรดโรงงานจะมีการปลูกและไว้หน่อเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตอีก 2 รอบ รวมแล้วเป็น 3 ปี หรือสามมีด แต่ในปัจจุบัน เกษตรกรที่ไว้หน่อเพื่อเก็บผลผลิตในมีดสาม พบว่า มีอยู่เป็นจำนวนน้อย โดยทั้งประเทศเหลืออยู่ประมาณ 12% ในขณะที่มีสับปะรดปีปลูก (Plant Crop) 48% สับปะรดมีดสอง 40% ส่วนด้านผลผลิตต่อไร่ที่เกษตรกรได้รับในปีปลูกให้ผลผลิตสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 48 มีดสองร้อยละ 32 และมีดสามร้อยละ 20 ของผลผลิต ต่อไร่รวมทั้ง 3 มีด
สำหรับต้นทุนการผลิตสับปะรดโรงงาน ปี 2556 มีต้นทุนเฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.91 บาท โดยแบ่งต้นทุนปีปลูก ซึ่งมีต้นทุนสูงสุด 4.52 บาท ส่วนต้นทุนปีที่สอง 2.65 บาท และต้นทุนปีที่สาม 3.76 บาท เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าเตรียมดิน ค่าแรงงานปลูก และค่าพันธุ์ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ต้นทุนการผลิตปีที่ 3 สูงกว่าปีที่ 2 เนื่องจากผลผลิตต่อไร่ปีที่ 3 ต่ำสุด และขนาดของผลผลิตมีขนาดเล็กไม่เหมาะกับการนำเข้าโรงงาน อย่างไรก็ตามจากการศึกษาทางด้านผลผลิตและผลตอบแทนที่ได้รับของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และภาคเอกชน ได้มีความเห็นสอดคล้องกันว่า เกษตรกรควรปรับเปลี่ยนให้เหลือเพียง 2 รอบหรือ 2 มีดเท่านั้น เพราะจะทำให้ได้ประสิทธิภาพการผลิตสูงสุด
ทั้งนี้ จากผลการระดมความคิดเห็นที่ประชุมได้มีมติร่วมกันยอมรับในหลักการและวิธีการตามทฤษฎีด้านเศรษฐศาสตร์เป็นสำคัญตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้นำเสนอ เพื่อให้เกิดการยอมรับ จึงเสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาข้อมูลและสถานการณ์การผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงท้ายของการระดมความคิดเห็น ภาคเอกชน โดยเฉพาะโรงงาน ได้คาดคะเนและเตือนภัยแก่เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ในปี 2557 ให้ระวังการกระจุกตัวในช่วงแรก คือ เดือนพฤษภาคม และมิถุนายน ซึ่งคาดว่าจะมีผลผลิตสับปะรดโรงงานออกมากระจุกตัวมากที่สุด และช่วงที่สอง คือเดือนธันวาคม โดยเกษตรกรควรบริหารจัดการให้ดี ถ้าสามารถชะลอหรือแบ่งพื้นที่ในการบังคับออกดอกออกผลได้ก็ควรวางแผนดำเนินการ เพื่อให้ผลผลิตกระจายตัวออกสู่ตลาด และไม่กระจุกตัวมากนัก ส่วนด้านราคา คาดว่าจะมีแนวโน้มดีตลอดปี รองเลขาธิการ กล่าวในที่สุด
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--