ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร: กาแฟ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 17, 2015 14:23 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1. การผลิต

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้พยากรณ์เนื้อที่ให้ผล ผลผลิต ผลผลิตต่อไร่ ปี 2558 ดังนี้ เนื้อที่ให้ผลผลิตกาแฟจะมีประมาณ 269,596 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2557 จำนวน 5,817 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.21 ผลผลิต 37,366 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 1,097 ตัน หรือลดลงร้อยละ 2.85 และผลผลิตต่อไร่ต่อเนื้อที่ให้ผล เฉลี่ยไร่ละ 139 กิโลกรัม ลดลงจากปีที่ผ่านมา 7 กิโลกรัมต่อไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.79 ทั้งนี้เนื้อที่ให้ผลรวมทั้งประเทศเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิกาในภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากภาครัฐและเอกชนมีการส่งเสริมให้ปลูกเพิ่มในสวนไม้ผลไม้ยืนต้นและพื้นที่ป่าชุมชนตั้งแต่ ปี 2554 เริ่มให้ผลผลิตในปีนี้ ส่วนผลผลิตต่อไร่ ในภาพรวมลดลงเนื่องจากแหล่งผลิตกาแฟทางภาคใต้ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง อากาศร้อน และแห้งแล้ง กาแฟติดดอกออกผลไม่ดี

ภาคเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิกาเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้น จากต้นกาแฟที่ปลูกแซมในสวนยางพารา แมคคาเดเมีย และลิ้นจี่ ในจังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ และในพื้นที่ป่าชุมชนที่ทางภาครัฐและกลุ่มสหกรณ์ผู้ผลิตกาแฟในท้องถิ่นสนับสนุนให้เกษตรกรปลูก เช่น ในจังหวัดตาก และแพร่ ตั้งแต่ปี 2554 ให้ผลผลิตเป็นปีแรก ส่วนผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคากาแฟพันธุ์อาราบิกาดีอย่างต่อเนื่อง จึงจูงใจให้เกษตรกรจึงทาการตัดแต่งกิ่งและใส่ปุ๋ยบำรุงต้นเป็นอย่างดี

ภาคกลาง พื้นที่ปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสตาเนื้อให้ผลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี เกษตรกรปลูกเพิ่มในพื้นที่รกร้าง ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออานวยต่อการติดดอกออกผล และอยู่ในช่วงอายุให้ผลผลิตสูง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มมีการปลูกกาแฟตั้งแต่ปี 2552 แหล่งผลิตอยู่ใน จ.นครราชสีมา โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สูงเนิน เกษตรกรมีการปลูกกาแฟแซมในสวนแมคคาเดเมีย มะม่วง และขนุน ส่วนใหญ่ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิกา เริ่มให้ผลผลิตออกสู่ตลาดในปี 2556 และมีการเพิ่มของเนื้อที่ให้ผลอย่างต่อเนื่อง สาหรับผลผลิตต่อไร่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากอายุของต้นกาแฟเพิ่มขึ้นทรงพุ่มใหญ่ขึ้น

ภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสตาเนื้อที่ให้ผลลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้นยางพารา ปาล์มน้ามัน และทุเรียน ที่เกษตรกรปลูกแซมในสวนกาแฟโตและเริ่มให้ผลผลิตเกษตรกรจึงโค่นต้นกาแฟออก ผลผลิตต่อไร่ลดลง เนื่องจากต้นกาแฟทางภาคใต้มีอายุมากและไม่ได้รับการบารุงดูแลเพราะราคาสารกาแฟตกต่ำหลายปี จึงไม่จูงใจให้เกษตรกรลงทุนเพิ่ม นอกจากนี้เกษตรกรให้ความสนใจในการบำรุงดูแลพืชที่นามาปลูกทดแทนมากกว่า ประกอบกับในช่วงต้นกาแฟออกดอกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 มีสภาพอากาศร้อนแห้งแล้งและฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้การออกดอกและติดผลไม่ดีเท่าที่ควร

ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของไทยในปี 2557

กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รายงานความต้องการใช้เมล็ดกาแฟในปี 2557 ของโรงงานแปรรูปในประเทศ มีปริมาณสูงขึ้น จาก 75,000 ตัน เป็น 70,000 ตัน ในปี 2556 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.14 เนื่องจากการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดคะเนความต้องการใช้กาแฟของปี 2558 ว่าจะมีประมาณ 80,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.66

           ปี              ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโรงงาน
         2553                         58,000
         2554                         61,480
         2555                         67,620
         2556                         70,000
         2557                         75,000
    อัตราเพิ่ม (ร้อยละ)                     6.65
         2558*                        80,000

หมายเหตุ * : ประมาณการ

การค้า

การส่งออกกาแฟขอไทยในปี 2557 มีปริมาณ 567.92 ตัน มูลค่า 110.78 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 368.26 ตัน มูลค่า 76.10 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 54.22 และ 45.56 ตามลำดับ สำหรับกาแฟสำเร็จรูปมีการส่งออก 6,315.95 ตัน มูลค่า 859.94 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 1,620.79 ตัน มูลค่า 302.68 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 289.68 และ 184.11 ตามลำดับ และไทยนำเข้าเมล็ดกาแฟ ปริมาณ 47,413.12 ตัน มูลค่า 3,411.03 ล้านบาท สูงขึ้นจากปริมาณ 34,907.17 ตัน มูลค่า 2,417.30 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็น ร้อยละ 35.83 และ 41.11 ตามลำดับ สำหรับกาแฟสำเร็จรูปมีการนำเข้าปริมาณ 7,015.47 ตัน มูลค่า 2,123.53 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 6,426.99 ตัน และลดลงจากมูลค่า 2,041.48 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็นลดลงร้อยละ 9.16 และ 4.02 ตามลำดับ

ต่างประเทศ

ผลผลิต

กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) รายงานผลผลิตกาแฟโลกปี 2556/57 มีปริมาณ 9.150 ล้านตัน ลดลงจาก 9.259 ล้านตัน ของปี 2555/56 ร้อยละ 1.49 เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และ คาดคะเนว่าจะมีผลผลิต ในปี 2557/58 ประมาณ 8.99 ล้านตัน ลดลง 0.163 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 1.78

บราซิล ผู้ผลิตกาแฟอันดับ 1 ของโลก ในปี 2556/57 มีผลผลิต ปริมาณ 3.270 ล้านตัน ลดลง 0.186 ล้านตัน ในปี 2555/56 หรือลดลงร้อยละ 2.382 และคาดคะเนว่าจะมีผลผลิต ในปี 2557/58 ประมาณ 3.072 ล้านตัน ลดลง 0.198 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 6.055

เวียดนาม ผู้ผลิตกาแฟอันดับ 2 ของโลก และเป็นผู้ผลิตกาแฟพันธุ์โรบัสตาอันดับ 1 ของโลก มีผลผลิตกาแฟปี 2556/57 ปริมาณ 1.789 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 0.200 ล้านตัน ในปี 2555/56 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.577 และคาดคะเนว่าจะมีผลผลิต ในปี 2557/58 ประมาณ 1.761 ล้านตัน ลดลง 0.029 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 1.619

ความต้องการใช้กาแฟ

กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา รายงานความต้องการใช้กาแฟของโลกปี 2556/57 มี 8.545 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 8.518 ล้านตันของปี 2555/56 ร้อยละ 0.312 และคาดคะเนความต้องการใช้กาแฟของปี 2557/58 ว่าจะมีประมาณ 8.858 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.66

การส่งออก

กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา รายงานการส่งออกกาแฟโลกปี 2556/57 มี 7.143 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 6.992 ล้านตัน ในปี 2555/56 ร้อยละ 2.159 และคาดการณ์ว่า ในปี 2557/58 จะมีการส่งออก ประมาณ 7.195 ล้านตัน หรือสูงขึ้นร้อยละ 0.736

ประเทศที่ส่งออกมากที่สุดได้แก่ บราซิล มีการส่งออกในปี 2556/57 ปริมาณ 2.048 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1.840 ล้านตัน ของปี 2555/56 ร้อยละ 11.318 เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้น รองลงมาได้แก่ ประเทศเวียดนาม มีการส่งออก ปริมาณ 1.607 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1.479 ล้านตัน ของปี 2555/56 ร้อยละ 0.68 เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้น

ผลผลิตกาแฟของโลก ปี 2552/53 - 2557/58

หน่วย : ล้านตัน

ประเทศ                 2552/53     2553/54     2554/55     2555/56     2556/57          อัตราเพิ่ม (ร้อยละ)    2557/58*
1 บราซิล                  2.688        3.27       2.952       3.456        3.27                   4.575       3.072
2. เวียดนาม                1.11       1.165        1.56        1.59        1.79                  13.505       1.761
3. อินโดนีเซีย               0.63        0.56       0.498        0.63        0.57                   -0.82       0.528
4. โคลัมเบีย               0.486       0.512       0.459       0.596       0.725                   9.986        0.75
5. เอธิโอเปีย               0.36       0.368       0.379        0.38       0.381                   1.465       0.381
6. อินเดีย                  0.29         0.3       0.314       0.318       0.305                   1.604       0.306
7. ฮอนดูรัส                0.213       0.239       0.336       0.284       0.264                   6.203         0.3
8. เม็กซิโก                0.249        0.24       0.258       0.279       0.228                  -0.256       0.234
9. เปรู                   0.198       0.246       0.312       0.258       0.255                   5.692       0.204
10. กัวเตมาลา             0.241       0.238       0.265       0.241       0.205                  -3.063       0.217
19. ไทย                  0.051       0.051       0.051       0.051       0.051                       0       0.054
อื่นๆ                        1.2       1.236        1.25       1.176       0.806                  -2.107       1.181
รวม                      7.716       8.425       8.634       9.259        9.15                   4.449       8.988

หมายเหตุ : * ประมาณการ
ที่มา : กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (ธันวาคม 2557) www.usda.gov

ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโลก

หน่วย : ล้านตัน

          ปี               ปริมาณ
        2552/53           8.264
        2553/54           8.045
        2554/55           8.496
        2555/56           8.518
       2556/57            8.545
อัตราเพิ่ม (ร้อยละ)       1.248
        2557/58           8.858

หมายเหตุ * ประมาณการ
ที่มา : กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (ธันวาคม 2557) www.usda.gov

ราคาตลาดในประเทศ

ราคาเมล็ดกาแฟที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.02 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 67.73 บาท ของสัปดาห์ก่อน หรือสูงขึ้นร้อยละ 3.38

ราคาในตลาดต่างประเทศ มีดังนี้

ราคาเมล็ดกาแฟดิบอาราบิก้า ตลาดนิวยอร์กซื้อขายทันทีเฉลี่ย 186.61 เซนต์/ปอนด์ (133.70 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจาก 186.11 เซนต์/ปอนด์ (133.35 บาท/กิโลกรัม) คิดเป็นร้อยละ0.27

ราคาเมล็ดกาแฟดิบโรบัสตา ตลาดนิวยอร์กซื้อขายทันที่เฉลี่ย 104.03 เซนต์/ปอนด์ (75.54 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจาก 103.42 เซนต์/ปอนด์ (74.10 บาท/กิโลกรัม) คิดเป็นร้อยละ 0.59

--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 9 - 15 ก.พ. 2558--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ