นายธวัชชัย ประยูรสิน ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 ราชบุรี (สศก.10) เปิดเผยถึงผลศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรชายแดนไทย - เมียนมาร์ ปี 2557 หลังจากที่กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศเปิดจุดผ่านแดนบ้านพุน้ำร้อน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2556 เพื่อเป็นการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยว เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นปลายปี 2558 นี้
จากการติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรชายแดนไทย-เมียนมาร์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งประกอบด้วยด่านเจดีย์สามองค์ และด่านพุน้ำร้อน พบว่า การส่งออกสินค้าเกษตรชายแดนของทั้ง 2ด่าน มีมูลค่ารวม 449ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ อาหารเสริมและนม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องปรุงรส น้ำมันปาล์ม ต้นกล้าสัก เครื่องจักรการเกษตร สุกรมีชีวิต และปุ๋ย เป็นต้น โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าเพื่อการบริโภค เนื่องจากปัจจุบันประเทศเมียนมาร์ยังไม่สามารถผลิตสินค้าเหล่านี้ได้มากเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ รวมทั้งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในตราสัญลักษณ์และคุณภาพสินค้าไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้สินค้าไทยเป็นที่นิยมของคนเมียนมาร์
ด้านมูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตรชายแดน มูลค่ารวม 57 ล้านบาท โดยสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ โค-กระบือมีชีวิต ไม้ไผ่ลำ อาหารทะเล ขี้เลื่อย ปลาสวยงาม และงาดำ เป็นต้น โดยเฉพาะโคมีชีวิต มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งในรอบ 5ปีที่ผ่านมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 18 หรือจากมูลค่า 25 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 45 ล้านบาทในปี 2557 เนื่องจากราคานำเข้าโคจากเมียนมาร์มีราคาถูกกว่าราคาซื้อขายโคในประเทศ ทำให้ผู้เลี้ยงโคหรือพ่อค้าโคนำเข้าเพื่อจำหน่ายต่อหรือเลี้ยงเองจนได้ขนาดแล้วส่งเข้าโรงฆ่าสัตว์ สำหรับอาหารทะเลมีแนวโน้มนำเข้าเพิ่มเช่นเดียวกันหลังจากที่ได้มีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน ซึ่งเมียนมาร์เป็นแหล่งอาหารทะเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่ไทยสามารถนำเข้ามาเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปและส่งออกได้อีกด้วย
ทั้งนี้ สินค้าประมงทะเลหรืออาหารทะเลที่นำเข้าทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ปลาทูสดแช่เย็น ปลาหมึกสด ปูทะเล โดยในปี 2557มีการนำเข้าทางด่านพุน้ำร้อน มูลค่า 1,128,056บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556ซึ่งมีมูลค่านำเข้า 76,479 บาท มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอนจากความได้เปรียบของลักษณะภูมิประเทศ
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--