1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การตลาด
ปี 2557/58 มาปรับปรุงโครงการ/จัดทำเป็นโครงการใหม่ และใช้วงเงินคงเหลือ ประกอบด้วย 4 โครงการ ได้แก่
1) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกร (ธ.ก.ส.)
2) การเชื่อมโยงตลาดในประเทศและต่างประเทศ (กรมส่งเสริมสหกรณ์)
3) โครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก (กรมการค้าภายใน)
4) โครงการจัดตลาดนัดข้าวและพืชไร่ ปีการผลิต 2557/58 (สำนักงานการค้าภายในจังหวัด)
1.1 โครงการตามแผนชุมชนเพื่อแก้ไขวิกฤตภัยแล้งด้านการเกษตร (กษ.)
1.2 ลดค่าครองชีพโดยจำหน่ายสินค้าราคาเหมาะสม (พณ.) 2. มาตรการชะลอหรือขยายระยะเวลาการชำระหนี้ที่เกษตรกรมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน
2.1 การลดหรือยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ดิน (กษ.)
2.2 การให้สินเชื่อ (ธ.ก.ส.)
2.3 การชดเชยดอกเบี้ยให้แก่กลุ่มเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ (กษ.)
2.4 การขยายระยะเวลาชำระหนี้ (ธ.ก.ส.) 3. มาตรการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร
3.1 การจ้างงานภายใต้โครงการของกรมชลประทาน (กษ.)
3.2 การจ้างงานเร่งด่วนและการพัฒนาทักษะฝีมือ (มท.) 4. มาตรการเสนอโครงการตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง
- การจัดทำแผนชุมชน (มท.หน่วยงานหลัก)
- การรณรงค์การใช้น้ำอย่างประหยัด (นร. ธ.ก.ส. และ กษ.)
6.1 การปฏิบัติการฝนหลวง (กษ.)
6.2 การสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (พน.)
6.3 การพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร (ทส.)
6.4 การสนับสนุนน้ำในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง (กห.) 7. มาตรการเสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
7.1 การช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขกับประชาชน (สธ.)
7.2 การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) 8. มาตรการสนับสนุนอื่นๆ
8.1 การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ (มท.)
8.2 แผนสินเชื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มละไม่เกิน 1 ล้านบาท (ธ.ก.ส.)
8.3 การบริการข้อมูลและบริการภาครัฐผ่านศูนย์กลางแอปพลิเคชั่นภาครัฐ (ทก.)
8.4 การกำหนดแนวทางการจัดสรรน้ำแก่เกษตรกรผู้ปลูกไม้ยืนต้นที่ขาดแคลนน้ำภาคตะวันออก (วท.)
8.5 ระบบสารสนเทศเพื่อติดตามและประเมินผลโครงการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง (วท.)
8.6 การส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีเกษตรเพื่อกระจายรายได้ไปสู่ภาคการเกษตร (กก.)
— มติที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2558 เห็นชอบในหลักการโครงการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2558/59 เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ส่วนรายละเอียดการดำเนินโครงการและงบประมาณ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้มีกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน 1,860.57 ล้านบาท
โดยให้ ธ.ก.ส. ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 และปีต่อๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน จำนวน 3 โครงการ ดังนี้
1. โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2558/59 วงเงิน 975.57 ล้านบาท
2. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2558/59 วงเงินงบประมาณ 236.67 ล้านบาท (ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการจาก MLR เป็น MLR-1 รัฐบาลชดเชยอัตราดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 โดยปัจจุบัน MLR เท่ากับร้อยละ 5)
3. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 วงเงินงบประมาณ 648.33 ล้านบาท (ปรับลดระยะเวลาให้สอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินโครงการไม่เกิน 10 เดือน)
ภาวการณ์ซื้อขายข้าวสัปดาห์นี้ ราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิที่เกษตรกรขายได้ ราคาลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาด และในบางพื้นที่ฝนตกช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยว ทำให้ข้าวเปลือกมีความชื้นสูง
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 12,632 บาท ราคาลดลงจากตันละ 12,928 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.29
ราคาข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,732 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,700 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.41
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาข้าวหอมมะลิไทย ชั้น 1 (ใหม่) ขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 27,750 บาท ราคาลดลงจากตันละ 27,975 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.80
ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,810 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,850 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.34
3) ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี.
ราคาข้าวหอมมะลิไทย ชั้น 1 (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 850 ดอลลาร์สหรัฐฯ (30,012 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 849 ดอลลาร์สหรัฐฯ (29,961 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.12 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 51 บาท
ราคาข้าวปทุมธานี ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 604 ดอลลาร์สหรัฐฯ (21,326 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 661 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,327 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 8.62 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 2,001 บาท
ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 371 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,099 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 370 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในสัปดาห์ก่อน (13,057 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.27 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 42 บาท
ราคาข้าวสารเจ้า 25% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 362 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,782 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 361 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,740 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.28 และสูงขึ้นในรูปเงินบาท ตันละ 42 บาท
ราคาข้าวนึ่ง 5% ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 371 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,099 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 373 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,163 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.54 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 64 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 35.3081 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
สำนักข่าว Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากผู้บริหารกระทรวงเกษตรของเวียดนามว่า ปี 2558 รัฐบาลประมาณการส่งออกข้าวได้ 7 - 7.5 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณการไว้ 6 ล้านตัน ทั้งนี้ ปริมาณการส่งออกดังกล่าว ไม่รวมปริมาณการส่งออกตามแนวชายแดน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กระทรวงเกษตรเพิ่มประมาณการส่งออกข้าว คือ การเพิ่มขึ้นของราคาส่งออกข้าว และการเพิ่มขึ้นของความต้องการจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
ปัจจุบัน ราคาข้าวเวียดนาม 5% อยู่ที่ตันละ 370 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือตันละ 13,064 บาท) สูงขึ้นจากเดือนกันยายน 2558 ที่ราคาเคยต่ำสุดอยู่ที่ตันละ 325 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือตันละ 11,475 บาท) ทั้งนี้ ปัจจุบันราคายังคงต่ำกว่าราคาเฉลี่ยทั้งปีที่ผ่านมา ที่ตันละ 435 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือตันละ 15,359 บาท)
อนึ่ง ข้อมูลจากสมาคมอาหารแห่งเวียดนาม (Vietnam Food Association) ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 20 ตุลาคม 2558 เวียดนามส่งออกข้าวปริมาณ 4.48 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับปริมาณการส่งออกข้าวในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2557 ที่ส่งออกข้าวปริมาณ 5.37 ล้านตัน
ที่มา http://oryza.com
ระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศ โดยรายงานระบุว่า ทั้ง 2 ประเทศเห็นชอบในข้อตกลงเรื่องการตรวจสอบสุขอนามัยพืช (phytosanitary) ซึ่งจีนเคยใช้เป็นข้ออ้างในการกีดกันการนำเข้าข้าวจากเกาหลีใต้ ทั้งนี้ ความสำเร็จในการเปิดตลาดข้าวในจีนของเกาหลีใต้ จะสามารถบรรเทาปัญหาผลผลิตล้นตลาด อันเป็นผลมาจากปริมาณผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น
แต่ปริมาณความต้องการบริโภคข้าวในประเทศลดลง
ที่มา http://oryza.com
บังคลาเทศ
แหล่งข่าวท้องถิ่นรายงานว่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ รัฐบาลบังคลาเทศกำลังวางแผนที่จะลดราคาข้าวที่อยู่ในโครงการ OMS (Open Market sale) เพื่อเร่งระบายปริมาณข้าวในโกดังให้ทันกับปริมาณผลผลิตข้าวฤดูฝน (Aman rice หรือข้าวที่เพาะปลูกระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม) ที่จะเริ่มเก็บเกี่ยวในเดือนธันวาคมนี้ ปัจจุบันรัฐบาลเก็บข้าวไว้ในคลังแล้วปริมาณ 1.7 ล้านตัน แต่คลังมีความจุสามารถเก็บข้าวได้เพียง 2 ล้านตัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาหารให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลจะลดราคาข้าวและแป้งข้าวเจ้า เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงโครงการ OMS ได้มากขึ้น ขณะนี้ โครงการ OMS ขายข้าวในราคาประมาณตันละ 299 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือตันละ 10,557 บาท) รัฐมนตรีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานที่วางแผนและกำกับนโยบายด้านอาหาร (Food Planning and Monitoring Unit) จะกำหนดราคารับซื้อข้าวฤดูฝนในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558
ที่มา http://oryza.com
แหล่งข่าวจาก CRRI ระบุว่า CRRI อยู่ระหว่างการทดสอบข้าว climate smart จำนวน 6 สายพันธุ์ ในแปลงสาธิตซึ่งกระจายอยู่ในหลายเมือง เพื่อทดสอบผลิตผลภายใต้สภาพภูมิอากาศและสภาพดินที่แตกต่างกัน ซึ่งคาดว่าจะใช้ เวลาในการทดสอบประมาณ 2 ปี ก่อนที่รัฐบาลจะอนุญาตให้นำข้าวสายพันธุ์ใหม่นี้ไปปลูกเพื่อการพาณิชย์
ทั้งนี้ หน่วยงานราชการในรัฐโอริสสา (Odisha) ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Understanding, MoU) กับสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (International Rice Research Institute, IRRI) ในการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีผลิตผลสูงและต้านทานต่อสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง เพื่อเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (climate change)
ที่มา http://oryza.com
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 2 - 8 พ.ย. 2558--