ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 10, 2016 16:13 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 การตลาด

มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60

1) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต 2559/60 ด้านการผลิต
มติที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 เห็นชอบมาตรการฯ จำนวน 3 โครงการ ดังนี้

(1) โครงการส่งเสริมสนับสนุนการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ปี 2559/60 (กข.)

(2) โครงการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชที่หลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี 2560 (กสก.)

(3) โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ ปี 2559/60 (ธ.ก.ส.)

มติที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559 เห็นชอบมาตรการฯ จำนวน 5 โครงการ ดังนี้

(1) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ (ปศ.)

(2) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ (ปศ.)

(3) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแพะ (ปศ.)

(4) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการทำนาหญ้า (ปศ.)

(5) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสมเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น (กสก.)

2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต 2559/60 ด้านการตลาด
มติที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559 เห็นชอบมาตรการฯ จำนวน 4 โครงการ ดังนี้

(1) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (ธ.ก.ส.)

(2) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก (ธ.ก.ส.)

(3) โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ธ.ก.ส.)

(4) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก (พณ.)

3) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต 2559/60 ด้านการเงิน
มติที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 เห็นชอบมาตรการฯ จำนวน 4 โครงการ ดังนี้

(1) โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 (ธ.ก.ส.)

(2) โครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2559/60 (ธ.ก.ส.)

(3) โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อย (ธ.ก.ส.)

(4) โครงการประกันข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 (ธ.ก.ส.)

ภาวการณ์ซื้อขายข้าวสัปดาห์นี้ ข้าวเปลือกเจ้าที่เกษตรกรขายได้ ราคาลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากบางพื้นที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาด ขณะที่ตลาดมีความต้องการข้าวลดลง ส่วนหนึ่งเพราะประเทศคู่ค้าชะลอการสั่งซื้อ

1.2 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 10,013 บาท ราคาลดลงจากตันละ 10,567 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.24

ราคาข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,655 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,673 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.11

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ราคาข้าวหอมมะลิไทย ชั้น 1 (ใหม่) ขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 24,200 บาท ราคาลดลงจากตันละ 24,350 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.62

ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,800 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,875 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.63

3) ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี.

ราคาข้าวหอมมะลิไทย ชั้น 1 (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 760 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,187 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 764 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,258 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.52

ราคาข้าวปทุมธานี ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 553 ดอลลาร์สหรัฐฯ (19,055 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 570 ดอลลาร์สหรัฐฯ (19,590 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.98

ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 372 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,818 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 379 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,026 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.85

ราคาข้าวสารเจ้า 25% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 368 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,680 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 375 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,888 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.87

ราคาข้าวนึ่ง 5% ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 327 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11,267 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 385 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,232 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 15.07 หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 34.4571 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของไทยเสนอราคาขายที่ตันละ 360-365 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ส่วนราคาส่งออกข้าวหอมมะลิของไทยปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 650 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำสุดในรอบ 5 ปี สาเหตุที่ราคาส่งออกข้าวไทยลดลงอย่างหนัก โดยเฉพาะข้าวขาว 5% ซึ่งมีหลายประเทศที่มีข้าวชนิดเดียวกันแข่งกันส่งออก เนื่องจากไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามาทำให้หลายประเทศลดราคาแข่งกัน

สำหรับราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของเวียดนามเหลือตันละ 325 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าราคาข้าวชนิดเดียวกันของไทยตันละ 40 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปากีสถานลดราคาขายข้าวชนิดเดียวกันลงมาเหลือตันละ 315-320 ดอลลาร์สหรัฐ ในราคาซีไอเอฟ (บวกค่าประกันและค่าขนส่ง) เมื่อทอนกลับมาเป็นราคาเอฟโอบี (ราคา ณ ท่าเรือขาออก) จะต่ำกว่าตันละ 300 ดอลลาร์สหรัฐ

“ตลาดที่คาดว่าจะซื้อข้าวหลายแห่ง ขณะนี้เริ่มมีผลผลิตข้าวในประเทศดีขึ้น อย่างฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียที่คาดว่าจะนำเข้าช่วงปลายปี ประเมินว่าจะนำเข้าข้าวในปริมาณลดลงกว่าที่เคยนำเข้าเมื่อปีที่ผ่านมา ส่วนจีนที่ไทยมีสัญญาซื้อขายข้าว 1 ล้านตันในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังอยู่ระหว่างการต่อรองราคานำเข้าข้าว 1 แสนตันแรกจากไทย ซึ่งเป็นการต่อราคาข้าวที่ถูกมาก” แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ กระทรวงฯ จะเรียกผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับด้านข้าวทั้งหมดมาหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ตลาดข้าวในปัจจุบัน เพราะเป็นห่วงราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2559/60 ที่จะทยอยออกมาในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะแบ่งการหารือทั้งภายในประเทศและส่งออก กรมการค้าต่างประเทศและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะเรียกตัวแทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยมาหารือถึงการผลักดันการส่งออกข้าวไปตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น ส่วนกรมการค้าภายในจะเรียกตัวแทนจากสมาคมโรงสีข้าวไทยมาหารือถึงสถานการณ์ราคาข้าวภายในประเทศ

นายชูเกียรติกล่าวว่า เท่าที่ประเมินสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เห็นถึงแนวทางที่จะกระตุ้นตลาดข้าวไทยให้มีการส่งออกมากขึ้นได้ เพราะความต้องการซื้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่าจะส่งผลต่อเป้าส่งออกข้าวไทยในภาพรวมที่ตั้งไว้ 9.5 ล้านตัน ซึ่งทั้งปีอาจส่งออกได้เพียง 9.2 ล้านตัน เพราะในช่วง 4 เดือนที่เหลือ การส่งออกข้าวไทยมีปริมาณลดลง โดยเฉพาะต่อเดือนเหลือส่งออกเพียง 6.5 แสนตัน หากจะได้ตามเป้าต้องส่งออกให้ได้เดือนละ 7 แสนตันขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ไม่เฉพาะราคาข้าวที่ต่ำลง แต่พืชเกษตรอื่นๆ ก็ลดลงมาก ไม่ว่าจะเป็นมันสำปะหลัง ข้าวสาลี ข้าวโพด เนื่องจากผลผลิตปีนี้ดีมากเกือบทั้งโลก ยกเว้นน้ำตาลทรายที่ยังมีปัญหาเรื่องผลผลิตอยู่ ซึ่งการจัดโปรโมชั่นด้วยการไปเปิดตลาดต่างประเทศ เชิญผู้ซื้อ/ผู้นำเข้ามาหารือ เพื่อให้ซื้อข้าวจากไทยช่วยได้เพียงระดับหนึ่ง แต่ก็คงมีคำสั่งซื้อไม่มาก เพราะความต้องการซื้อข้าวโลกที่ลดลง ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

เวียดนาม

ภาวะราคาข้าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนตัวลง ท่ามกลางภาวการณ์ค้าที่ซบเซา เนื่องจากไม่มีคำสั่งซื้อจาก ต่างประเทศเข้ามา ประกอบกับผู้ซื้อต่างประเทศหันไปซื้อข้าวจากปากีสถานหรือเมียนมาร์ที่ราคาถูกกว่า (ราคาข้าวขาว 5% ของปากีสถานอยู่ที่ประมาณ 325 เหรียญสหรัฐต่อตัน) ขณะที่ผลผลิตข้าวของประเทศคู่แข่ง เช่น ไทย ใกล้จะออกสู่ตลาดเร็วๆนี้ โดยราคาข้าวขาว 5% (เอฟโอบี) จากฤดูการผลิตฤดูร้อน (summer-autumn rice) อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 330-340 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนข้าวขาว 25% ราคาลดลงมาอยู่ที่ 310-315 เหรียญสหรัฐต่อตัน เช่นเดียวกัน

กระทรวงเกษตร (Ministry of Agriculture and Rural Development; MARD) ได้พิจารณาระงับการส่งออกข้าวไปยังประเทศสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสารตกค้าง โดยในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนที่ผ่านมาข้าวเวียดนามถูกปฏิเสธการนำเข้าจากสหรัฐฯ (ข้อมูลจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ the U.S. Food and Drug Administration; FDA) จำนวน 94 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นข้าวสารประมาณ 1,700 ตัน

มาตรการระงับการส่งออกข้าวไปยังสหรัฐฯ ในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่ทางการสหรัฐฯ ตรวจพบสารตกค้างในข้าวเวียดนามที่มีปริมาณสูงกว่ากำหนด ซึ่งทางการเวียดนามต้องใช้เวลาในการจัดการกับปัญหาเพื่อไม่ให้สหรัฐฯ ใช้เป็นข้ออ้างในการห้ามนำเข้าข้าวจากเวียดนามในอนาคต ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-สิงหาคม 2559) เวียดนามส่งออกข้าวไปยังสหรัฐฯ ประมาณ 22,084 ตัน ลดลงร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อนึ่ง สมาคมอาหารเวียดนาม (The Vietnam Food Association; VFA) กำลังวางแผนขยายตลาดส่งออกไปยังภูมิภาคแอฟริกา หลังจากการส่งออกข้าวไปยังประเทศจีน

มีแนวโน้มลดลง โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวไปยังประเทศจีนประมาณ 1.18 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 21.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่การส่งออกข้าวไปยังภูมิภาคแอฟริกามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะประเทศกาน่าซึ่งเวียดนามส่งออกข้าวไปแล้วประมาณ 343,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 และส่งออกไปยังประเทศแองโกล่าปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 4.6 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สมาคมอาหารเวียดนาม รายงานว่า ประเทศกาน่ามีความต้องการบริโภคข้าวประมาณปีละ 1.6 ล้านตัน โดยมีการนำเข้าข้าวมากกว่าครึ่งหนึ่งของความต้องการบริโภค โดยในช่วงที่ผ่านมาข้าวจากเวียดนามมีราคาถูกกว่าข้าวของไทยและอินเดีย และกาน่าต้องการข้าวคุณภาพปานกลาง ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของเวียดนามที่จะเข้าไปทำตลาดในประเทศนี้ ที่มา Oryza.com, สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

สิงคโปร์

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงสิงคโปร์ รายงานว่าสิงคโปร์เริ่มผลิตข้าวกล้อง (Brown Rice) โดยการนำของ Dr. Yin Zhongchao หัวหน้าทีมวิจัยข้าวกล้อง ซึ่งทำการวิจัยมาแล้วเป็นเวลา 8 ปี และประสบความสำเร็จ โดยใช้ชื่อแบรนด์“เทมาเส็ก” (TEMASEK) เป็นข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่ผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างหอมมะลิกับข้าวอีก 5 สายพันธุ์ ที่ปลูกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผ่านกระบวนการผสมเกสร ทำให้ต้นข้าวเทมาเส็กมีลำต้นสั้นและมีความแข็งแรง ทนทานต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ความแห้งแล้งและน้ำท่วม สามารถให้ผลผลิตเฉลี่ยในปริมาณ 6 ตัน ต่อ 1 เฮคเตอร์ (6.25 ไร่) นับเป็นผลผลิตในปริมาณสูงกว่าข้าวชนิดอื่นๆ และปลูกได้ในช่วงเวลาติดต่อกันปีละ 4 ครั้ง

พื้นที่สำหรับปลูกข้าวเทมาเส็กอยู่ที่ Tasikmalaya, West Java ในอินโดนีเซีย ซึ่ง Dr.Yin Zhongchao กล่าวว่า มีความประสงค์จะหาหุ้นส่วนด้านพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อให้ได้ผลผลิตในปริมาณมากขึ้น อีกทั้งให้ประโยชน์ต่อชาวนาและผู้บริโภคในระยะยาว รวมถึงทำให้สิงคโปร์มีข้าวสำรองในระดับที่มั่นคง

ปัจจุบันข้าวเทมาเส็กวางจำหน่ายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต Medi-ya Liang Court โดยบรรจุถุง 1 กิโลกรัม ราคาขายปลีก 6.95-7.45 เหรียญสิงคโปร์ต่อถุง และในอนาคตจะวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาเก็ตอื่นๆ อย่างไรก็ดี ข้าวเทมาเส็ก มีคุณภาพดี เนื้อนุ่ม รสชาติอร่อยกว่าข้าวกล้องชนิดอื่นๆ แต่ยังคงต้องมีการพัฒนาต่อไป เพื่อขจัดปัญหาแบคทีเรียชนิดใหม่ๆ ซึ่งอาจทำให้การปลูกข้าวเทมาเส็กประสบปัญหา ทั้งนี้ สิงคโปร์ต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวจากแหล่งผลิตต่างประเทศ โดยเฉพาะไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวสำคัญ สู่ตลาดสิงคโปร์ โดยในปี 2559 (มกราคม-กรกฎาคม) สิงคโปร์นำเข้าข้าวกล้องจากไทยเป็นอันดับแรก ปริมาณ 2,662 ตันมูลค่า 2.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่มา สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงสิงคโปร์, สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 3 - 9 ตุลาคม 2559--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ