ลำไยเหนือปีนี้ผลผลิตเพิ่ม 7% ลิ้นจี่ลด 3% พฤษภาคม คึกคัก ลิ้นจี่ออกตลาดพีคสุด

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 10, 2018 14:55 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

ลำไยเหนือปีนี้ผลผลิตเพิ่ม 7% ลิ้นจี่ลด 3% พฤษภาคม คึกคัก ลิ้นจี่ออกตลาดพีคสุด

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุ ข้อมูลเอกภาพไม้ผลภาคเหนือ คาด ลำไย ปีนี้ ให้ผลผลิต 659,173 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 7.46 ในขณะนี้ที่ลิ้นจี่ ให้ผลผลิต 41,661 ตัน ลดลงร้อยละ 3.43 ระบุ พฤษภาคมนี้ ลิ้นจี่พาเหรดออกตลาดมากสุด ส่วนแฟนคลับลำไย เตรียมจับจ่ายลิ้มลองรสชาติตามฤดูกาลได้ สิงหาคมนี้

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงข้อมูลไม้ผลเอกภาพ ลำไย และ ลิ้นจี่ ของภาคเหนือในปี 2561 (ข้อมูล 30 เมษายน 2561) พบว่า ลำไย พื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน เชียงราย ลำปาง และตาก ปี 2561 มีเนื้อที่ยืนต้น 862,220 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 0.49 เนื่องจากการปลูกใหม่แทนลิ้นจี่ เนื้อที่ให้ผล 839,985 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.33 จากต้นลำไยที่ปลูกในปี 2558 ในภาคเหนือ ซึ่งปลูกเพิ่มแทนต้นลำไยที่อายุมากให้ผลผลิตต่ำ ผลผลิตรวม 659,173 ตัน (ลำไยในฤดู 386,342 ตัน ลำไยนอกฤดู 272,831 ตัน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.46 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ปริมาณน้ำฝนเพียงพอต่อการออกดอกติดผล และเกษตรกรปรับเปลี่ยนมาผลิตลำไยนอกฤดูเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผลผลิตต่อไร่ 785 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.08 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ต้นลำไยออกดอกติดผลมากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะถึงแม้ว่าในพื้นที่ ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยาจะได้รับผลกระทบจากวาตภัยหลายรอบในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ทำให้ผลผลิตบางส่วนร่วงเสียหาย รวมทั้งใน อ.วังเจ้า และ อ.สามเงา จ.ตาก ประสบพายุเช่นเดียวกันมีพื้นที่เสียหายจำนวน 25 ไร่ แต่ในภาพรวมผลผลิตยังคงเพิ่มขึ้น และจะออกสู่ตลาดมากสุดในช่วงเดือนสิงหาคม 2561 ลิ้นจี่ พื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และ น่าน ปี 2561 เนื้อที่ยืนต้น 93,453 ไร่ ลดลงร้อยละ 9.07 เนื้อที่ให้ผล 92,812 ไร่ ลดลงร้อยละ 9.12 ซึ่งเนื้อที่ยืนต้นและเนื้อที่ให้ผลลดลง เนื่องจากเกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกลำไย และไม้ผลอื่น เช่น เงาะ ส้ม มะม่วง กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า เป็นต้น ผลผลิตรวม 41,661 ตัน ลดลงร้อยละ 3.43 ตามการลดลงของเนื้อที่ให้ผล เนื่องจากลิ้นจี่ให้ผลผลิตน้อยติดต่อกันหลายปี เกษตรกรจึงโค่นต้นลิ้นจี่และปรับเปลี่ยนไปปลูกไม้ผลอื่น ส่วนผลผลิตต่อไร่ 449 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.40 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ต้นลิ้นจี่ออกดอกติดผลมากกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับมีฝนตกในช่วงที่ติดผลอ่อนในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศดี และมีโครงการสนับสนุนจากภาครัฐในการทำลิ้นจี่คุณภาพให้ได้ราคาดี มีการขยายการตลาดโดยการขายผ่านอินเทอร์เนตเพิ่มขึ้น จึงจูงใจให้เกษตรกรดูแลต้นลิ้นจี่ดีกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม พบว่า ลิ้นจี่ได้ผลกระทบจากพายุลูกเห็บในอำเภอฝาง และ อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงต้นเดือนเมษายน ทำให้ผลอ่อนร่วง เสียหายประมาณกว่า 500 ไร่ โดยผลผลิตจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนเมษายน ถึงเดือนกรกฎาคม ออกมากสุดในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2561 ทั้งนี้ ภาครัฐได้จัดทำแผนบริหารจัดการผลไม้ปี 2561 ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ โดยมีหลักคือ มีข้อมูลการผลิตที่ชัดเจน จัดการผลผลิตให้สมดุลกับความต้องการของตลาด เชื่อมโยงกับตลาดผู้ซื้อได้อย่างเหมาะสม เน้นให้จังหวัดบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งมีคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) เป็นแกนหลัก เช่น การส่งเสริมการผลิตตามมาตรฐาน (GAP) ส่งเสริมการห่อช่อลิ้นจี่ก่อนการเก็บเกี่ยว การจัดทำแปลงเรียนรู้การผลิตผลไม้คุณภาพตามความเหมาะสมของพื้นที่ และการให้คำแนะนำเพื่อเตรียมพร้อมในฤดูกาล ตลอดจนการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไม้ผลคุณภาพดี ส่งเสริมซื้อขายแบบออนไลน์ การแปรูป และผลักดันการส่งออกอย่างต่อเนื่อง

***********************************

ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : ศูนย์สารสนเทศการเกษตร

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ