สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ : ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 20, 2018 13:28 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 9 - 15 พ.ย. 61

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 การตลาด

มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2561/62

มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 เห็นชอบในหลักการมาตรการฯ ด้านการผลิตและการตลาด ทั้งหมด 10 โครงการ ดังนี้

(1) ด้านการผลิต* ได้แก่

1) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่)

2) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์

3) โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง

4) โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแม่นยำสูง (Precision Farming)

5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ

6) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข 43 เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร และ

7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง

หมายเหตุ * ด้านการผลิต เป็นโครงการที่หน่วยงานดำเนินการตามปกติ จึงไม่นำเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณามาตรการฯ

(2) ด้านการตลาด
  • มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2561 อนุมัติการดำเนินโครงการและวงเงินงบประมาณที่ใช้ช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และ 3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก
  • มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561 อนุมัติทบทวนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2561/61 ตามมติคณะกรรมการ นบข. เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2561 ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้

(1) กรณีเกษตรกรฝากเก็บข้าวไว้ที่สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกร ให้ปรับปรุงให้ค่าเก็บรักษาข้าวเปลือก

(2) เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกหลักประกันไว้ในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บของตนเองเท่านั้น

(3) ปรับปรุงวิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกร ต้องเก็บรักษาข้าวเปลือกโดยบรรจุข้าวเปลือกในกระสอบป่านหรือถุง Big bag และวางเรียงในยุ้งฉางหรือสถานที่เก็บเพื่อสะดวกในการตรวจสอบ หรือเก็บข้าวในยุ้งฉางที่ยกพื้นสูงหรือไซโล (SILO) ยกเว้นกรณีเทกองจะต้องมีระบบการระบายอากาศ เพื่อการรักษาคุณภาพข้าวเปลือกไม่ให้เสื่อมสภาพตลอดระยะเวลาโครงการ

1.2 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 15,770 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,192 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.80

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 8,141 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,768 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.80

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 34,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,750 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,116 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,532 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 88 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 402 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,159 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 31 บาท

ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 391 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,799 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 30 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 402 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,159 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 31 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.7345

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

เวียดนาม

ภาวะราคาข้าวขาว 5% ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณตันละ 5 ดอลลาร์สหรัฐ จากตันละ 410-415 เหรียญสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นตันละ 415-420 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ภาวะการค้าค่อนข้างซบเซา เนื่องจากในช่วงนี้ผู้ส่งออกไม่ค่อยทำสัญญาขายข้าวเพราะราคาข้าวของเวียดนามสูงกว่า ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่รายอื่นๆ ประกอบกับอุปทานข้าวในประเทศมีจำกัดหลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวฤดูนาปรังเพิ่งสิ้นสุดลง

สำนักข่าว Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากกรมศุลกากรเวียดนาม (the General Department if Vietnam Customs) ว่าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 362,838 ตัน ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจำนวน 360,188 ตัน ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา และลดลงประมาณร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาโดยในช่วง 10 เดือนแรก (มกราคม-ตุลาคม) เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 5.25 ล้านตัน มูลค่าส่งออก 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 และร้อยละ 14.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

กัมพูชา

หนังสือพิมพ์ Khmer Times รายงานว่า ผู้ส่งออกข้าวของกัมพูชามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของอียูที่จะกำหนดอัตราภาษีการนำเข้าข้าวจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด (the least developed countries; LDCs) เช่น กัมพูชา และเมียนมาร์

ทั้งนี้ สหภาพยุโรปกำลังเสนอให้มีการกำหนดภาษีนำเข้าในช่วงปีแรกที่อัตรา 175 ยูโรต่อตัน (ประมาณตันละ 200 ดอลลาร์สหรัฐ) ในปีที่สองที่อัตรา 150 ยูโรต่อตัน (ประมาณตันละ 171 ดอลลาร์สหรัฐ) และในปีต่อไปที่อัตรา 125 ยูโรต่อตัน (ประมาณตันละ 143 ดอลลาร์สหรัฐ)

ด้านรองประธานสหพันธ์ข้าวแห่งกัมพูชา (the Cambodia Rice Federation; CRF) กล่าวว่า ปัจจุบันกัมพูชาได้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางภาษี (the Everything-but-arms; EBA) ที่สหภาพยุโรปให้แก่กัมพูชาแต่การกำหนดมาตรการภาษีใหม่จะมีผลต่อการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปแน่นอน ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันข้าวของกัมพูชาลดลง กัมพูชาจะต้องปรับตัวโดยการกระจายสินค้าออกไปยังตลาดอื่นๆ นอกสหภาพยุโรป ซึ่งกัมพูชากำลังมองไปที่ตลาดจีน ซึ่งในขณะนี้ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา

รองประธานสหพันธ์ข้าวฯ ระบุว่า การเสนอใช้อัตราภาษีนำเข้าสำหรับข้าวกัมพูชาในครั้งนี้ ถือว่าไม่เป็นการสมควร เพราะเกษตรกรของประเทศอิตาลีและสเปนได้เปลี่ยนไปเพาะปลูกข้าวพันธุ์ Japonica เนื่องจากสร้างผลกำไรดีกว่าการปลูกข้าวพันธุ์ Indica แต่พวกเขาก็ยังคงตำหนิว่า กัมพูชาและเมียนมาร์ส่งออกข้าวสายพันธุ์ Indica ที่มีราคาถูกกว่าไปตีตลาดในสหภาพยุโรป ดังนั้นเกษตรกรของกัมพูชาจะต้องปรับเปลี่ยนไปปลูกข้าวพันธุ์อื่นๆ และกระจายสินค้าไปยังตลาดอื่นๆ ด้วย เพื่อความอยู่รอด

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

อินโดนีเซีย

ตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย (the Indonesia Stock Exchange; IDEX) รายงานว่า แนวโน้มการบริโภคข้าวของกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ปานกลางได้เริ่มหันไปบริโภคข้าวเกรดพรีเมียมทดแทนข้าวคุณภาพปานกลางมากขึ้น ซึ่งตามรายงานของบริษัท PT Buyung Poetra Sembada (HOKI) ที่เป็นผู้ผลิตข้าว ระบุไว้ในรายงานการเงินของบริษัท ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้เติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 17.78 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาโดยรายได้ในส่วนของข้าวเกรดพรีเมียมเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15.6

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ผู้บริโภคเริ่มหันไปบริโภคข้าวคุณภาพดีมากขึ้น โดยในช่วงไม่กี่ปีมานี้แนวโน้มของราคาข้าวในตลาดจะพิจารณาจากข้าวคุณภาพดีมากกว่าข้าวคุณภาพปานกลาง นอกจากนี้หากสำรวจพฤติกรรมการบริโภคแล้วจะพบว่า ในช่วงที่ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นผู้บริโภคจะไม่หันกลับไปซื้อข้าวคุณภาพปานกลาง แต่จะเลือกใช้วิธีบริโภคข้าวคุณภาพดีในปริมาณที่ลดลง

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ