แท็ก
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
สมพัฒน์ แก้วพิจิตร
ธีระชัย แสนแก้ว
กระทรวงเกษตร
โลจิสติกส์
กระทรวงเกษตรฯ จัดพิธีต้อนรับนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีคนใหม่ พร้อมนายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร และนายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ อีก 2 ท่าน ย้ำเดินหน้านโยบายเร่งด่วน การผลิต บริหารจัดการตลาด และระบบโลจิสติกส์สินค้าเกษตรอย่างต่อเนื่อง
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง การจัดพิธีต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล) พร้อมคณะ ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ อีก 2 ท่าน ได้แก่ นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร และนายธีระชัย แสนแก้ว เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยทางสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้นำเสนอภาพรวมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในเรื่องของโครงสร้างองค์กร สถานการณ์สินค้าเกษตรในปัจจุบัน และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2550 รวมทั้งงานต่อเนื่อง ตลอดจนได้เสนองานที่ควรพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
โครงสร้างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วยกลุ่มภารกิจ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มภารกิจด้านส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรและระบบสหกรณ์ กลุ่มภารกิจด้านพัฒนาการผลิต กลุ่มภารกิจด้านบริหารจัดการทรัพยากรด้านการผลิต และกลุ่มอำนวยการและกิจกรรมต่างประเทศ มีรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง และกองทุน 3 กองทุน โดยปี 2551 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับงบประมาณจำนวน 67,909 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.09 ของงบประมาณทั้งประเทศ และมีข้าราชการรวมทั้งสิ้น 38,531 คน
สถานการณ์ภาคเกษตร สินค้าเกษตรสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก ในปี 2549 มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศภาคเกษตร 0.84 ล้านล้านบาท โดยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์มีมูลค่าสูงถึง 1.07 ล้านล้านบาท สินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญประกอบด้วย ยางพาราและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง
ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินงานที่สำคัญ โดยปี 2550 มีการดำเนินการพัฒนาการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สร้างยุวเกษตรกร/เกษตรกรคลื่นลูกใหม่ ส่งเสริมการตลาดผลไม้ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ ป้องกันและควบคุมโรคระบาด พัฒนาระบบมาตรฐานตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าเกษตร จัดทำแผนพัฒนาพืชพลังงานทดแทน เพิ่มพื้นที่ชลประทาน จัดทำแผนบรรเทาภาวะ โลกร้อนด้านการเกษตร และจัดทำยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร และจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมีงานที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง ได้แก่ การช่วยเหลือ/พัฒนาเกษตรกร การพัฒนาปัจจัยพื้นฐานการผลิต การเพิ่มศักยภาพสินค้าเกษตร นอกจากนั้น ได้เสนองานที่ควรพิจารณาดำเนินการ 4 เรื่องหลัก ประกอบด้วย 1) งานเร่งด่วน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาราคากระเทียม หอมหัวใหญ่ตกต่ำ การควบคุมโรคระบาดไข้หวัดนก และเตรียมแผนการรองรับผลไม้ภาคตะวันออกล้นตลาด 2) จัดการด้านการผลิต ได้แก่ นโยบายพืชที่เป็นอาหารและพืชพลังงาน นโยบายการปลูกพืช GMOsในพืช ที่ไม่ใช่อาหาร ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ และนโยบายการประกันภัยพืชผล 3) บริหารจัดการปัจจัยการผลิต ทางการเกษตร ได้แก่ ขยายพื้นที่ชลประทาน สร้างแก้มลิงในพื้นที่เกษตรกร และลดการใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มการใช้ ปุ๋ยอินทรีย์ 4) จัดการด้านการตลาดและระบบโลจิสติกส์สินค้าเกษตร
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง การจัดพิธีต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล) พร้อมคณะ ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ อีก 2 ท่าน ได้แก่ นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร และนายธีระชัย แสนแก้ว เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยทางสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้นำเสนอภาพรวมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในเรื่องของโครงสร้างองค์กร สถานการณ์สินค้าเกษตรในปัจจุบัน และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2550 รวมทั้งงานต่อเนื่อง ตลอดจนได้เสนองานที่ควรพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
โครงสร้างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วยกลุ่มภารกิจ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มภารกิจด้านส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรและระบบสหกรณ์ กลุ่มภารกิจด้านพัฒนาการผลิต กลุ่มภารกิจด้านบริหารจัดการทรัพยากรด้านการผลิต และกลุ่มอำนวยการและกิจกรรมต่างประเทศ มีรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง และกองทุน 3 กองทุน โดยปี 2551 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับงบประมาณจำนวน 67,909 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.09 ของงบประมาณทั้งประเทศ และมีข้าราชการรวมทั้งสิ้น 38,531 คน
สถานการณ์ภาคเกษตร สินค้าเกษตรสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก ในปี 2549 มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศภาคเกษตร 0.84 ล้านล้านบาท โดยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์มีมูลค่าสูงถึง 1.07 ล้านล้านบาท สินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญประกอบด้วย ยางพาราและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง
ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินงานที่สำคัญ โดยปี 2550 มีการดำเนินการพัฒนาการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สร้างยุวเกษตรกร/เกษตรกรคลื่นลูกใหม่ ส่งเสริมการตลาดผลไม้ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ ป้องกันและควบคุมโรคระบาด พัฒนาระบบมาตรฐานตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าเกษตร จัดทำแผนพัฒนาพืชพลังงานทดแทน เพิ่มพื้นที่ชลประทาน จัดทำแผนบรรเทาภาวะ โลกร้อนด้านการเกษตร และจัดทำยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร และจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมีงานที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง ได้แก่ การช่วยเหลือ/พัฒนาเกษตรกร การพัฒนาปัจจัยพื้นฐานการผลิต การเพิ่มศักยภาพสินค้าเกษตร นอกจากนั้น ได้เสนองานที่ควรพิจารณาดำเนินการ 4 เรื่องหลัก ประกอบด้วย 1) งานเร่งด่วน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาราคากระเทียม หอมหัวใหญ่ตกต่ำ การควบคุมโรคระบาดไข้หวัดนก และเตรียมแผนการรองรับผลไม้ภาคตะวันออกล้นตลาด 2) จัดการด้านการผลิต ได้แก่ นโยบายพืชที่เป็นอาหารและพืชพลังงาน นโยบายการปลูกพืช GMOsในพืช ที่ไม่ใช่อาหาร ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ และนโยบายการประกันภัยพืชผล 3) บริหารจัดการปัจจัยการผลิต ทางการเกษตร ได้แก่ ขยายพื้นที่ชลประทาน สร้างแก้มลิงในพื้นที่เกษตรกร และลดการใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มการใช้ ปุ๋ยอินทรีย์ 4) จัดการด้านการตลาดและระบบโลจิสติกส์สินค้าเกษตร
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-