สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 14, 2019 14:34 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 8 - 14 พฤศจิกายน 2562

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63

มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 และมติที่ประชุม นบข. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบในหลักการตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 ตามมติ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 การดำเนินงานประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้

ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์ อุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 32.48 ล้านตันข้าวเปลือก อุปทาน 34.16 ล้านตันข้าวเปลือก

ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว ได้แก่

1.1) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 58.99 ล้านไร่

โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 และ รอบที่ 2 จำนวน 13.81 ล้านไร่

1.2) การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 4.00 ล้านครัวเรือน และ รอบที่ 2 จำนวน 0.30 ล้านครัวเรือน

1.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา

1.4) การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การจัดรูปที่ดินและปรับระดับพื้นที่นา

1.5) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ (1) โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) (2) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข43 (3) โครงการส่งเสริมระบบเกษตรแบบแม่นยำสูง (4) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ (5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ (6) โครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าวหอมมะลิ (7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง (8) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวไปเป็นพืชอื่น (Zoning by Agri-Map) (9) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย (10) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด และ (11) โครงการประกันภัยพืชผล

ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ (1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการรถเกี่ยวนวดข้าว และ (2) โครงการยกระดับมาตรฐานโรงสี กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงตลาดข้าวนาแปลงใหญ่

ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ ได้แก่ (1) โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร (2) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พ.ศ. 2563-2565 (3) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคผลผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าว (4) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวสาร Q และข้าวพันธุ์ กข43 ปีการผลิต 2561/62 (5) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว (6) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (7) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต็อก และ (8) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก

ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ ได้แก่ (1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ (2) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมข้าว (3) การส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐานและปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และ (4) การประชาสัมพันธ์การบริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

2) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1

มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1 ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ 21,495.74 ล้านบาท เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาข้าว และให้กลไกตลาดทำงานเป็นปกติ โดยดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ ดังนี้

2.1) ชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้

ชนิดข้าว                               ราคาประกันรายได้        ครัวเรือนละไม่เกิน
                                           (บาท/ตัน)                  (ตัน)
ข้าวเปลือกหอมมะลิ                               15,000                    14
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่                         14,000                    16
ข้าวเปลือกเจ้า                                  10,000                    30
ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี                            11,000                    25
ข้าวเปลือกเหนียว                                12,000                    16

กรณีเกษตรกรเพาะปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด ได้สิทธิ์ไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าวแต่ละชนิด เมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของชนิดข้าวที่กำหนดไว้สูงสุด และได้สิทธิ์ตามลำดับระยะเวลาที่แจ้งเก็บเกี่ยวข้าวแต่ละชนิด

2.2) เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับการชดเชย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่ 1) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 31 ตุลาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2562 - 28 กุมภาพันธ์ 2563

2.3) ระยะเวลาที่ใช้สิทธิขอชดเชย เกษตรกรสามารถใช้สิทธิระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2562 - 28 กุมภาพันธ์ 2563 ยกเว้นภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 31 พฤษภาคม 2563 โดยสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยวเป็นต้นไป ยกเว้นเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่กำหนดให้ใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันเริ่มโครงการ

2.4) การประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการฯ จะประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงทุกๆ 15 วัน จนถึงวันสิ้นสุดการใช้สิทธิตามโครงการประกันรายได้ฯ โดยจ่ายเงินครั้งแรก ในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 สำหรับเกษตรกรได้รับสิทธิตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยว - 15 ตุลาคม 2562

3) โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63

มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ 25,482.06 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร และช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ ดังนี้

3.1) กลุ่มเป้าหมาย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่ 1) ประมาณ 4.31 ล้านครัวเรือน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่

3.2) ระยะเวลาจ่ายเงินสนับสนุน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 30 เมษายน 2563

1.2 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 14,814 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,003 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.26

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 8,016 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,835 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.31

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 35,250 บาท ราคาลดลงจากตันละ 35,850 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.67

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 11,290 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,350 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.53

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,126 ดอลลาร์สหรัฐฯ (33,849 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 1,215 ดอลลาร์สหรัฐฯ (36,394 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 7.32 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 2,545 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 419 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,596 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,581 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 15 บาท

ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 413 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,415 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 414 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,401 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 14 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 413 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,415 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 417 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,491 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.95 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 76 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.0617

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

ไทย

ผู้ส่งออกข้าวหนุนยกเลิกใช้ 3 สารเคมีอันตรายในการปลูกข้าว คาดกระทบต่อการนำเข้าในประเทศสำคัญนายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ศึกษาภาวะผลผลิตข้าวนาปีปีการเพาะปลูก 2562/63 ว่า ภาพรวมของผลผลิตโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดการณ์ว่าข้าวหอมมะลิจะลดลงประมาณร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ข้าวเหนียวจะลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาของภัยธรรมชาติผลกระทบน้ำท่วมส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง แต่อย่างไรก็ดียังต้องรอ ติดตามและประเมินผลผลิตที่กำลังออกสู่ตลาดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2562

นอกจากนี้ ในส่วนของการลดการใช้ 3 สารอันตราย หรือสามารถยกเลิกในการนำมาใช้ด้านการเพาะปลูกข้าว เป็นเรื่องที่ผู้ส่งออกเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าโดยเฉพาะตลาดสำคัญ ทั้งตลาดสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น หากอนาคตมีการเริ่มนำมาตรการสารตกค้างในสินค้าเกษตรเข้ามาใช้หรือมีความเข้มงวดมากขึ้น อนาคตอาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทย ดังนั้น หากเกษตรกรหรือผู้ปลูกลดละหรือเลิกการใช้ 3 สาร อันตรายได้จะทำให้การแข่งขันการส่งออกข้าวไทยยังมีศักยภาพอยู่

“อดีตทางผู้ส่งออกได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรลดการใช้สารอันตรายในการเพาะปลูก เนื่องจาก ประเทศผู้นำเข้าให้ความสำคัญและเพิ่มมาตรฐานความเข้มงวดมากขึ้น ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีการตื่นตัวมาก หาก เกษตรกรไทยยังใช้อยู่จะกระทบต่อการค้าและการส่งออก”

ปัจจุบันพบว่า สัดส่วนการตลาดข้าวไทยในต่างประเทศปรับตัวลดลงในหลายตลาด เช่น ตลาดฮ่องกงสัดส่วนการตลาดข้าวไทยเหลือเพียงร้อยละ 48 จากเดิมขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 68 หรือแม้กระทั่งตลาดจีนสัดส่วนการนำเข้าก็ลดลง โดยแนวโน้มอนาคตมองว่าสัดส่วนการนำเข้าข้าวไทยในตลาดจะลดลงเรื่อยๆ จากปัจจัยด้านการแข่งขัน ค่าเงินบาทที่แข็งค่า รวมไปถึงคุณภาพด้านการส่งออกข้าวไทย

อย่างไรก็ดี สำหรับทิศทางการส่งออกข้าวในปี 2563 ยังไม่สามารถประเมินภาพรวมการส่งออกได้ยังต้องรอดูในหลายปัจจัย ทั้งปริมาณและการแข่งขันส่วนการส่งออกข้าวในปี 2562 มองว่าน่าจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 8

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

เวียดนาม

ภาวะราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ในระดับทรงตัว หลังจากราคาปรับสูงขึ้นในระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือนครึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน เนื่องจากอุปทานข้าวในตลาดค่อนข้างตึงตัว เนื่องจากการเก็บเกี่ยวข้าวฤดูการผลิต ฤดูร้อน-ใบไม้ร่วง (the summer-autumn harvest) ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว โดยราคาข้าวขาว 5% ยังคงอยู่ที่ตันละ 345-350 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนข้าวหอมราคาอยู่ที่ประมาณตันละ 520 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะที่วงการค้า รายงานว่า ผู้ซื้อบางส่วนได้ชะลอการซื้อข้าวในช่วงนี้เพราะจะรอดูผลผลิตข้าวฤดูร้อนใบไม้ร่วง ที่มีการเก็บเกี่ยวในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งคาดว่าผลผลิตจะออกมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคมนี้

นายเหวียน ซวน กวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม ระบุว่า รัฐบาลเวียดนามกำลังพิจารณาปรับลดพื้นที่การเพาะปลูกข้าว เพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นทดแทน อาทิ มะพร้าว เนื่องจากการผลิตข้าวเพื่อการส่งออกเพียงอย่างเดียวมีความเสี่ยงสูงและไม่สามารถส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ได้อย่างมีประสิทธิภาพรัฐบาลเวียดนามวางแผนจะประสานกับเกษตรกรเพื่อลดพื้นที่ปลูกข้าวลงประมาณ 3.1 ล้านไร่ จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 25.6 ล้านไร่ ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตข้าวลดลงปีละ 3-4 ล้านตัน แต่อยู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อความมั่นคง

ทางอาหารของประเทศ นอกจากนี้เวียดนามยังจะมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าของข้าวมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผลิตน้ำมันรำข้าวที่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงกว่า

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

บังคลาเทศ

กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) รายงานว่า ในปีการตลาด 2562/63 (พฤษภาคม 2562-เมษายน 2563) คาดว่าบังคลาเทศจะมีผลผลิตข้าวสารประมาณ 35.86 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากประมาณการณ์ในปี 2561/62 ที่ 34.909 ล้านตัน ซึ่งจากข้อมูลของทางการบังคลาเทศ รายงานว่า พื้นที่เก็บเกี่ยวในฤดูการผลิต Aus (เมษายน-สิงหาคม) มีประมาณ 6.88 ล้านไร่ และมีผลผลิตประมาณ 2.45 ล้านตัน โดยคาดว่าจะมีการเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ทางด้านภาวะราคาข้าวในประเทศยังคงอยู่ในช่วงปรับลดลง เนื่องจากอุปทานข้าวในประเทศทีมีมาก โดยราคาขายปลีกในเดือนตุลาคมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 34 ทากาต่อกิโลกรัม หรือประมาณตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 21

จากข้อมูลของกระทรวงการอาหาร (the Ministry of Food; MOF) ระบุว่า ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2562 สต็อกข้าวสาธารณะมีอยู่ประมาณ 1.33 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเมื่อเร็วๆ นี้กระทรวงการอาหารได้ดำเนินการจัดหาข้าวตามโครงการของรัฐบาลเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งสามารถจัดหา ข้าวเปลือกจากฤดู Boro ได้ประมาณ 300,000 ตัน ข้าวนึ่งประมาณ 900,000 ตัน และข้าวสารประมาณ 150,000 ตัน ส่วนการจัดหาในฤดู Aman ยังไม่มีการประกาศออกมา

ทางด้านมาตรการเพื่อลดอุปทานข้าวในประเทศลง เพื่อไม่ให้ราคาข้าวตกต่ำนั้น รัฐบาลได้ออกมาตรการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ส่งออกในอัตราร้อยละ 20 (a 20% export incentive) เพื่อเป็นแรงจูงใจให้มีการส่งออกข้าวบางส่วน ออกไปต่างประเทศ เนื่องจากตามปกติแล้วบังคลาเทศจะไม่ค่อยส่งออกข้าวไปต่างประเทศเพราะมีต้นทุนที่สูงกว่า ประเทศส่งออกรายอื่น ดังนั้นการจะส่งออกข้าวได้ผู้ประกอบการจะต้องมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เช่น ค่าใช้จ่ายในการสีข้าว เป็นต้น ทั้งนี้ USDA คาดว่าบังคลาเทศอาจจะส่งออกได้เฉพาะในกลุ่มของข้าวชนิดพิเศษ เช่น ข้าวหอม ส่วนการส่งออกข้าวธรรมดา เช่น ข้าวขาวจะมีปริมาณจำกัดเพราะไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับประเทศส่งออกรายอื่นๆ ได้

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


แท็ก นบข.  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ