สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 20, 2020 13:22 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 10 - 16 กรกฎาคม 2563

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว

1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63

มติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 และมติที่ประชุม นบข. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบในหลักการตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 การดำเนินงานประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้

ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์ อุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 32.48 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 34.16 ล้านตันข้าวเปลือก

ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว ได้แก่

1.1) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว เป้าหมายรอบที่ 1 จำนวน 58.99 ล้านไร่โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 และรอบที่ 2 จำนวน 13.81 ล้านไร่

1.2) การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 4.00 ล้านครัวเรือน และ รอบที่ 2 จำนวน 0.30 ล้านครัวเรือน

1.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา

1.4) การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การจัดรูปที่ดินและปรับระดับพื้นที่นา

1.5) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ (1) โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่(นาแปลงใหญ่) (2) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข43 (3) โครงการส่งเสริมระบบเกษตรแบบแม่นยำสูง (4) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ (5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์(6) โครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าวหอมมะลิ (7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง (8) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวไปเป็นพืชอื่น (Zoning by Agri-Map) (9) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย (10) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด และ (11) โครงการประกันภัยพืชผล

ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ (1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการรถเกี่ยวนวดข้าว และ (2) โครงการยกระดับมาตรฐานโรงสี กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงตลาดข้าวนาแปลงใหญ่

ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศได้แก่ (1) โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร(2) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พ.ศ. 2563-2565 (3) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคผลผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าว (4) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวสาร Q และข้าวพันธุ์ กข43 ปีการผลิต 2561/62 (5) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว (6) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (7) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต็อก และ (8) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก

ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศได้แก่ (1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ (2) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมข้าว (3) การส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐานและปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และ (4) การประชาสัมพันธ์การบริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

2) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1 ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ 21,495.74 ล้านบาท เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาข้าว และให้กลไกตลาดทำงานเป็นปกติ โดยดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ ดังนี้

2.1) ชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้

ชนิดข้าว                               ราคาประกันรายได้        ครัวเรือนละไม่เกิน
                                           (บาท/ตัน)                  (ตัน)
ข้าวเปลือกหอมมะลิ                               15,000                    14
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่                         14,000                    16
ข้าวเปลือกเจ้า                                  10,000                    30
ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี                            11,000                    25
ข้าวเปลือกเหนียว                                12,000                    16

กรณีเกษตรกรเพาะปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด ได้สิทธิ์ไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าวแต่ละชนิด เมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของชนิดข้าวที่กำหนดไว้สูงสุดและได้สิทธิ์ตามลำดับระยะเวลาที่แจ้งเก็บเกี่ยวข้าวแต่ละชนิด

2.2) เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับการชดเชย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่ 1) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 31 ตุลาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2562 - 28 กุมภาพันธ์ 2563

2.3) ระยะเวลาที่ใช้สิทธิขอชดเชย เกษตรกรสามารถใช้สิทธิระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2562 - 28 กุมภาพันธ์ 2563 ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 31 พฤษภาคม 2563 โดยสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยวเป็นต้นไป ยกเว้นเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่กำหนดให้ใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันเริ่มโครงการ

2.4) การประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการฯ ได้ประกาศราคาอ้างอิง งวดที่ 1 - 4 ทุก 15 วัน โดยจ่ายเงินครั้งแรก ในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 สำหรับเกษตรกรได้รับสิทธิตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยว - 15 ตุลาคม 2562 สำหรับงวดที่ 5 เป็นต้นไป ได้ปรับการประกาศใหม่เป็นทุกวันศุกร์ (ทุก 7 วัน) เพื่อให้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงมีความสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวและจำหน่ายข้าว3) โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร และช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ วงเงินงบประมาณ 25,482.06 ล้านบาท ดังนี้

3.1) กลุ่มเป้าหมาย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่ 1) ประมาณ 4.31 ล้านครัวเรือน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่

3.2) ระยะเวลาจ่ายเงินสนับสนุน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม - 31 ธันวาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ตั้งแต่ 1 สิงหาคม - 30 เมษายน 2563

4) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11ธันวาคม 2562 เห็นชอบโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวปีการผลิต 2562/63 จำนวน 26,458.89 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรสามารถดำรงชีพอยู่ได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวข้าวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นรวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร

4.1) กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) จำนวนประมาณ 4.57 ล้านครัวเรือน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวเฉพาะเกษตรกรรายย่อยอัตราไร่ละ 500 บาทครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท โดยพื้นที่เพาะปลูก ที่ได้รับการช่วยเหลือต้องไม่ซ้ำซ้อนกับพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการเยียวยาผู้ประสบภัยธรรมชาติจากรัฐบาลแล้วเว้นแต่เกษตรกรจะนำพื้นที่ประสบภัยนั้นไปแจ้ง กสก. เพื่อเพาะปลูกข้าวใหม่ทันในช่วงเวลาเพาะปลูกรอบที่ 1

4.2) ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 - 30 กันยายน 2563

1.2 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,680 บาท ราคาลดลงจากตันละ 14,736 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.38

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,929 บาท ราคาลดลงจากตันละ 8,953 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.27

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 32,050 บาท ราคาลดลงจากตันละ 32,217 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.52

ข้าวขาว5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 13,210 บาท ราคาลดลงจากตันละ 14,483 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 8.79

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,003 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,293 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 1,010 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,208 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.69 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ85 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 459 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,320 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 478 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,770 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.97 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 450 บาท

ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 449 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,008 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 466 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,399 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.65 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 391 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,726 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 507 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,666 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.90 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 940 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 31.1990

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

เกาหลีใต้

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 หน่วยงาน Korea Agri-Fisheries and Food Trade Corporation (KAFTC or aT) ประกาศผลการประมูลการนำเข้าข้าวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic bidding) ผลปรากฏว่า เกาหลีใต้ตกลงซื้อข้าวกล้อง (non-glutinous brown rice) ทั้งเมล็ดสั้นและเมล็ดยาวรวม 80,605 ตัน แบ่งเป็นจากจีน 79,105 ตัน และไทย 1,500 ตัน กำหนดส่งมอบภายใน 31 ตุลาคม 2563 และ 31 มีนาคม 2564

โดยเกาหลีใต้ตกลงซื้อข้าวกล้องเมล็ดสั้น (non-glutinous brown rice shortgrain) จากจีนจำนวน 79,105 ตันแบ่งเป็นล็อต ล็อตละ 20,000 ตัน จำนวน 3 ล็อต ในราคา 857-859 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และอีก 1 ล็อต จำนวน 19,105 ตัน ในราคา 857.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และซื้อข้าวสารเมล็ดยาวจากไทยจำนวน 1,410 ตัน ในราคา 575 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และข้าวหอมมะลิจำนวน 90 ตัน ในราคา 1,255.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันที่ผ่านมา ในการประมูลเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 หน่วยงานของเกาหลีใต้ได้ตกลงซื้อข้าวจากจีนจำนวน 40,000 ตัน แบ่งเป็นข้าวจำนวน 20,000 ตัน ในราคา 845.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากบริษัท Shinsong Foods Co., Ltd. และข้าวจำนวน 20,000 ตัน ในราคา 845.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากบริษัท POSCO International Co., Ltd. โดยกำหนดส่งมอบตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน - 31 ธันวาคม 2563 กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ว่าปีการตลาด 2563/64 (พฤศจิกายน 2563 – ตุลาคม 2564)เกาหลีใต้จะมีผลผลิตข้าวประมาณ 3.86 ล้านตันข้าวสาร จากพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 4.55 ล้านไร่ ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 848 กิโลกรัมต่อไร่ด้านการบริโภคในปี 2563/64 คาดว่ามีประมาณ 3.99 ล้านตัน ส่วนการนำเข้าคาดว่าจะมีประมาณ 500,000 ตัน เท่ากับปีก่อนรัฐบาลเกาหลีใต้ได้หยุดจัดสรรข้าวเก่าสำหรับผลิตอาหารสัตว์ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 เนื่องจากการนำไปใช้ผลิตอาหารสัตว์ลดลงเหลือ 75,275 ตัน และข้าวกล้องที่ใช้ผลิตเป็นอาหารสัตว์คาดว่าจะลดลงประมาณร้อยละ 75 จากปีที่แล้ว โดยในช่วงเวลาที่เหลือของปี คาดว่าลดลงเหลือประมาณ 70,000 ตัน

สำหรับแผนการจัดหาข้าวตามกรอบ TRQ ในปี 2563 คาดว่าเกาหลีใต้จะซื้อข้าวประมาณ 408,700 ตันข้าวสารภายใต้ข้อตกลงทางภาษีรูปแบบใหม่ที่มีผลตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ซึ่งภายใต้ระบบนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ได้จัดสรรโควตานำเข้ารายประเทศ (country-specific quota : CSQ) เพื่อนำเข้าข้าวจากประเทศต่างๆ ประกอบด้วย สหรัฐฯ 132,304 ตัน จีน 157,195 ตัน เวียดนาม 55,112 ตัน ไทย 28,494 ตัน ออสเตรเลีย 15,595 ตัน และมีโควตาที่ไม่ระบุประเทศ (Most-Favored Nation : MFN) อีก 20,000 ตัน ซึ่งตามแผนการจัดหาข้าวตามกรอบ TRQ ของปี 2563นับจนถึงขณะนี้ เกาหลีใต้ซื้อข้าวแล้วประมาณ 132,994 ตัน คิดเป็นร้อยละ 33 ของโควตาทั้งหมด ส่วนการส่งมอบส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2 ใน 3 คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564

ด้านการส่งออก คาดว่าปี 2563/64 จะส่งออกข้าวประมาณ 53,000 ตัน เท่ากับปีก่อน ซึ่งภายใต้โครงการช่วยเหลือด้านอาหาร (The Food Assistance Convention : FAC) เกาหลีใต้ได้ส่งออกข้าวที่ผลิตในประเทศจากปีการผลิต 2561 จำนวน 50,000 ตัน ไปยังประเทศแถบแอฟริกาและตะวันออกกลาง จำนวน 4 ประเทศ ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 ประกอบด้วย เยเมน 19,000 ตัน เอธิโอเปีย 16,000 ตัน เคนย่า 10,000 ตัน และอูกันดา 5,000 ตัน

ด้านสต็อกข้าวสิ้นปีของในปี 2563/64 คาดว่าจะมีประมาณ 1.5 ล้านตัน เนื่องจากรัฐบาลได้ระงับการจัดสรรข้าวสำหรับผลิตอาหารสัตว์ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะจัดหาข้าวให้เพียงพอ เพื่อเตรียมส่งเป็นความช่วยเหลือด้านอาหารที่วางแผนไว้สำหรับเกาหลีเหนือ

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

สหภาพยุโรป

สหภาพยุโรป (The European Union : EU) รายงานว่า ปีการผลิต 2562/63 (ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 -31 สิงหาคม 2563) ในช่วงวันที่ 1 กันยายน 2562 - 7 กรกฎาคม 2563 มีการนำเข้าข้าว (ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวสารไม่รวมข้าวหัก) จำนวน 1,343,768 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.12 โดยเป็นการนำเข้าข้าวสายพันธุ์ Japonica จำนวน249,431ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 57.63 ขณะที่ข้าวสายพันธุ์ Indica นำเข้าจำนวน 1,094,337 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.19

ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 สหภาพยุโรปนำเข้าข้าวจำนวน 40,100 ตัน โดยในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 - 7 กรกฎาคม 2563 มีประเทศต่างๆ ที่นำเข้าข้าว ประกอบด้วย สหราชอาณาจักร 283,951 ตัน ฝรั่งเศส 181,794 ตัน เนเธอร์แลนด์ 170,980 ตัน สเปน 103,058 ตัน อิตาลี 99,062 ตัน โปแลนด์ 92,478 ตัน เยอรมนี 73,349 ตัน โปรตุเกส 77,610 ตัน เบลเยียม 67,536 ตัน บัลแกเรีย 49,803 ตัน สาธารณรัฐเช็ก 31,224 ตัน สวีเดน 31,289 ตัน ลิทัวเนีย 17,096 ตัน สโลวาเกีย 11,296 ตัน เดนมาร์ค 9,121 ตัน โรมาเนีย 9,855 ตัน ฮังการี 7,711 ตัน ออสเตรีย 6,405 ตัน เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 1 กันยายน 2562 - 6 กรกฎาคม 2563 สหภาพยุโรปนำเข้าข้าวกล้อง (Husked rice)(สายพันธุ์ Japonica และ Indica) จากปากีสถาน 188,850 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 นำเข้าจากอินเดีย 99,712 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 และนำเข้าจากเมียนมา 34,951 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,403 ส่วนนำเข้าจาก กายอานา 75,450 ตัน ลดลงร้อยละ 16.9 นำเข้าจากไทย 43,419 ตัน ลดลงร้อยละ 17.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาในกลุ่มของข้าวสารที่สีแล้วหรือสีบางส่วน (Total Milled & semi-milled) (สายพันธุ์ Japonica และ Indica) มีการนำเข้าจากไทย 167,968 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.9 นำเข้าจากอินเดีย 98,021 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.8 และนำเข้าจากปากีสถาน 94,827 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ส่วนนำเข้าจากกัมพูชา150,654 ตัน ลดลงร้อยละ 8.7 นำเข้าจากเมียนมา 126,370 ตัน ลดลงร้อยละ 15.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาในกลุ่มของข้าวหัก (Broken rice) มีการนำเข้าจากเมียนมา 283,128 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 นำเข้าจากกายอานา 42,200 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.4 นำเข้าจากกัมพูชา 24,184 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.4 และนำเข้าจากรัสเซีย12,090 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 84.5 ส่วนนำเข้าจากไทย 21,124 ตัน ลดลงร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ประเทศในสหภาพยุโรป ช่วงตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 - 7 กรกฎาคม 2563 มีการนำเข้าข้าวชนิดต่างๆ โดยในส่วนของกลุ่มข้าวกล้อง (Husked rice) (สายพันธุ์ Japonica และ Indica) เช่น สหราชอาณาจักร 177,914 ตัน เนเธอร์แลนด์ 99,359 ตัน โปรตุเกส 69,017 ตัน เบลเยียม 55,523 ตัน สเปน 50,077 ตัน ฝรั่งเศส 45,253 ตัน และอิตาลี46,052 ตัน เป็นต้น และกลุ่มของข้าวสารที่สีแล้วหรือสีบางส่วน (Total Milled & semi-milled) (สายพันธุ์ Japonica และ Indica) เช่น ฝรั่งเศส 153,635 ตัน สหราชอาณาจักร 102,647 ตัน เนเธอร์แลนด์ 91,369 ตัน เยอรมนี 81,952 ตัน อิตาลี 47,420 ตัน เป็นต้น และกลุ่มของข้าวหัก (Broken rice) เช่น เบลเยียม 206,920 ตัน สหราชอาณาจักร 71,928 ตัน เนเธอร์แลนด์ 42,851 ตัน และฝรั่งเศส 41,216 ตัน เป็นต้น

ด้านการส่งออก ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 - 7 กรกฎาคม 2563 มีการส่งออก (ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวสาร ไม่รวมข้าวหัก) จำนวน 196,641 ตัน ลดลงร้อยละ 9.39 เมื่อเทียบกับจำนวน 217,030 ตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการส่งออกข้าวสายพันธุ์ Japonica จำนวน 158,599 ตัน ลดลงร้อยละ 13.56 ข้าวสายพันธุ์ Indicaจำนวน 38,042 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.38 ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 สหภาพยุโรปส่งออกข้าว 2,247 ตัน โดยในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 - 7 กรกฎาคม 2563 ประเทศที่ส่งออกข้าว ประกอบด้วย อิตาลี 105,001 ตัน โปรตุเกส 36,322 ตัน สเปน 23,789 ตัน บัลแกเรีย 7,255 ตัน โรมาเนีย 5,896 ตัน เบลเยียม 6,587 ตัน กรีซ 2,840 ตัน โปแลนด์ 2,428 ตัน สาธารณรัฐเช็ก 1,174 ตัน เยอรมนี 1,092 ตัน สโลเวเนีย 899 ตัน และเนเธอร์แลนด์592 ตัน เป็นต้น

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ไอวอรี่โคสต์

กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ว่าในปีการตลาด 2563/64 (ตุลาคม 2563-กันยายน 2564) ไอวอรี่โคสต์จะมีผลผลิตข้าวประมาณ 1.4 ล้านตันข้าวสาร โดยไอวอรี่โคสต์ถือเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่อันดับที่ 6 ในเขต Sub-Saharan Africa ต่อจากไนจีเรีย มาดากัสการ์ มาลี แทนซาเนีย และกินี ตามลำดับด้านการบริโภค คาดว่าในปี 2563/64 มีประมาณ 2.45 ล้านตัน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของประชากรทำให้ความต้องการบริโภคข้าวเพิ่มขึ้น

ด้านการนำเข้า คาดว่าในปี 2563/64 จะนำเข้าข้าวประมาณ 1.3 ล้านตัน โดยเวียดนามถือเป็นแหล่งนำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของไอวอรี่โคสต์ รองลงมา ได้แก่ อินเดีย จีน และไทย ส่วนสต็อกข้าวสิ้นปี คาดว่าในปี 2563/64 จะมีสต็อกข้าวประมาณ 978,000 ตัน

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


แท็ก นบข.  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ