นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการติดตามประเมินผลโครงการบริหารจัดการที่ดินทำกินแก่เกษตรกรรรายย่อยและผู้ด้อยโอกาส ปีงบประมาณ 2563 ซึ่งโครงการดังกล่าว ได้ดำเนินการภายใต้แผนบูรณาการเศรษฐกิจฐานราก โดยดำเนินการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 สำหรับพื้นที่ทำการเกษตร และเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 (ช.) สำหรับเป็นที่อยู่อาศัย มีเป้าหมายให้เกษตรกรได้รับเอกสารสิทธิ จำนวน 59,000 ราย
สศก. ได้มีการสำรวจข้อมูลจากเกษตรกรตัวอย่าง จำนวน 110 ราย ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก กำแพงเพชร ชลบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ชุมพรและลพบุรี พบว่า เกษตรกร ร้อยละ 45 ได้รับเอกสารสิทธิเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้ ร้อยละ 41.24 เป็นที่ดินเพื่อทำการเกษตร และร้อยละ 3.30 เพื่ออยู่อาศัย ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 55 อยู่ระหว่างนำเสนอคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินอำเภอ (คปอ.) และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) เพื่อพิจารณา ซึ่งคาดว่าเกษตรกรจะได้รับเอกสารสิทธิครบทุกรายภายในเดือนกันยายนนี้
ด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เกษตรกรได้รับนั้น แบ่งเป็นสัดส่วนพื้นที่ ร้อยละ 9 จะเป็นที่อยู่อาศัย และร้อยละ 91 ใช้ทำการเกษตร โดยร้อยละ 42 ปลูกผลไม้/ไม้ยืนต้น เช่น ปลูกกล้วย สัปปะรด ยูคาลิปตัส ร้อยละ 35 ปลูกพืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ร้อยละ 9 ปลูกข้าว และที่เหลือ ร้อยละ 5 ปลูกผักสวนครัวกับเป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์
รองเลขาธิการ สศก. กล่าวทิ้งท้ายว่า เกษตรกรมีความพึงพอใจเป็นอย่างมากที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน มีกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน และเป็นมรดกตกทอดสู่ทายาทที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่สำคัญและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างยิ่งคือ สามารถนำที่ดินที่ได้รับการจัดสรรนี้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพทางการเกษตร สามารถพึ่งพาตนเองได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) มีการพัฒนาขยายผลโดยกำหนดแผนการดำเนินงานโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรได้รับเอกสารสิทธิเพิ่มขึ้น สร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกรได้มีที่ดินในการประกอบอาชีพและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน เกษตรกรในโครงการควรตระหนักและหวงแหนกรรมสิทธิ์ในที่ดินและปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ ทั้งนี้ สศก. จะได้ติดตามผลการดำเนินงานเพื่อรายงานผลความก้าวหน้าให้ทราบเป็นระยะต่อไป
************************************************
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์
ข้อมูล : ศูนย์ประเมินผล
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร