สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 21, 2021 14:24 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 14 - 20 มิถุนายน 2564

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้

ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก

ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว

2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64 รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1 พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2

2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก

2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา

2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว

2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย

2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง

2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่

2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร

ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ

4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ

4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ

5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น

5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย

5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ

2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และงบประมาณ ดังนี้

2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่

(1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 1.82 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,600 บาทรวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท

(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาทคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี

(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2563/64 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2564) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน)นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3

3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอดำเนินการจ่ายเงินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนในเบื้องต้น

1.2 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 10,903 บาท ราคาลดลงจากตันละ 10,946 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.39

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,533 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 8,568 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.41

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 23,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,950 บาท ราคาลดลงจากตันละ 13,370 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.14

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 766 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,712 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 782 ดอลลาร์สหรัฐฯ (24,163 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.05 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 451 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 474 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,673 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 483 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,925 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.86 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 252 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 474 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,673 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 483 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,925 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.86 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 252 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.9559 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

ไทย: รมช.เกษตรฯ หารือผลผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เพียงพอพื้นที่ปลูก 60 ล้านไร่

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือแผนผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ปี 2564/65 ว่า แผนปลูกข้าวของกรมการข้าวนั้น ได้ประกาศไปทั้งสิ้นจำนวน 60 ล้านไร่ โดยตามหลักแล้วต้องใช้เมล็ดพันธุ์ 15 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ รวมใช้เมล็ดพันธุ์ 900,000 ตัน โดยประมาณ มีกระบวนการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่สำคัญ แบ่งเป็น 5 ชนิด

1. ข้าวหอมมะลิ ตามแผนจะผลักดันในมีการเพาะปลูก 27 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ 450,000 ตัน

2. ข้าวหอมไทย ตามแผนจะผลักดันให้เพาะปลูกทั้งสิ้น 1.6 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ 24,000 ตัน

3. ข้าวขาวชนิดพื้นนุ่ม ตามแผนจะผลักดันให้เพาะปลูก 2 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ 30,000 ตัน

4. ข้าวขาวชนิดพื้นแข็ง ตามแผนจะผลักดันให้เพาะปลูก 17 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ 205,000 ตัน และ

5. ข้าวเหนียว ตามแผนจะผลักดันให้เพาะปลูก 17 ล้านไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ 205 ตัน

ทั้งนี้ กรมการข้าวจำเป็นต้องจัดหาเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรจำนวนทั้งสิ้นกว่า 500,000 ตัน โดยกรมการข้าวผลิตเมล็ดพันธุ์ในปี 2565 ได้ประมาณ 100,000 ตัน ศูนย์ข้าวชุมชนผลิตได้ 110,000 ตัน สหกรณ์ผลิตได้ 30,000 ตัน ทำให้สมาคมพ่อค้า ผู้ผลิตและรวบรวมเมล็ดพันธุ์ ต้องหาเมล็ดพันธุ์เพิ่มเติมอีก 260,000 ตัน

สำหรับแผนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวนั้น เป็นเรื่องหลักที่ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วม ในการวางแผน เพื่อให้เกิดเป็นกรอบการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งตามโครงสร้างนั้น กองวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว จะเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์คัด และเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์หลัก โดยมีอัตราส่วนการผลิตอยู่ที่ 1 ต่อ 10 และจะนำเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์หลักส่งมอบให้กองเมล็ดพันธุ์ กรมการข้าว นำไปผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์ขยาย โดยมีอัตราส่วนการผลิตอยู่ที่ 1 ต่อ 40 หลังจากนั้น ศูนย์ข้าวชุมชน สหกรณ์ และสมาคมพ่อค้า ผู้ผลิตและรวบรวมเมล็ดพันธุ์ จะมารับเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์ขยายไปทำการผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์จำหน่ายต่อไป

โดยเตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อออกระเบียบบังคับอย่างชัดเจน ในเรื่องของเมล็ดพันธุ์ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยผู้ที่ทำเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์จำหน่ายนั้น จะต้องแสดงหลักฐานว่าได้รับเมล็ดพันธุ์ชั้นพันธุ์ขยายจากกรมการข้าวให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ เมื่อเกิดความเสียหายจากเมล็ดพันธุ์ในบรรจุภัณฑ์จะได้มีผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน รวมถึงสามารถควบคุมราคากลางให้เป็นมาตรฐานทั่วประเทศ

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

เวียดนาม

ราคาข้าวยังคงปรับตัวลดลง เนื่องจากความต้องการข้าวจากต่างประเทศลดลง เพราะผู้ซื้อได้หันไปให้ความสนใจข้าวจากแหล่งที่มีราคาถูกกว่า เช่น อินเดีย ไทย โดยข้าวขาว 5% ราคายังคงอยู่ที่ประมาณ 480-485 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ลดลงจากระดับ 485-490 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่วงการค้ารายงานว่า จากสถานการณ์ที่ต้นทุนค่าขนส่งสินค้า ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้การทำสัญญาซื้อขายฉบับใหม่มีน้อยลง

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า ในเดือนพฤษภาคม 2564 เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 571,400 ตัน ลดลงร้อยละ 28 จากเดือนที่แล้วที่ส่งออกได้ประมาณ 790,500 ตัน และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ ร้อยละ 40 ทำให้ในช่วง 5 เดือนแรกของปี (มกราคม-พฤษภาคม 2564) เวียดนามส่งออกข้าวประมาณ 2.54 ล้านตัน ลดลงประมาณร้อยละ 17.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ที่มา: Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

กัมพูชา

ทางการกัมพูชาวางแผนที่จะเจรจากับทางการจีนเพื่อขอให้จีนเพิ่มปริมาณนำเข้าสินค้าเกษตรจากกัมพูชามากขึ้น โดยในส่วนของสินค้าข้าวนั้น กัมพูชาจะขอให้จีนเพิ่มโควตานำเข้าข้าวอีกปีละ 100,000 ตัน รวมเป็น 500,000 ตัน ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการเจรจาเรื่องดังกล่าวภายในปีนี้โดยกระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชาจะเป็นผู้กำหนดกรอบเวลาในการเจรจา กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมงของกัมพูชา (the Ministry of Agriculture, Forestry, and Fisheries; MAFF) รายงานว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-พฤษภาคม 2564) ตลาดจีนยังคงถือเป็นตลาดนำเข้าข้าวที่ ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยนำเข้าข้าวจำนวนประมาณ 120,843 ตัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 51.86 ของปริมาณส่งออกข้าวทั้งหมด

ที่มา: Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ฟิลิปปินส์

สำนักงานอุตสาหกรรมพืช (Bureau of Plant Industry; BPI) รายงานว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้(มกราคม-พฤษภาคม 2564) ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวปริมาณ 1.026 ล้านตัน ลดลง 137,142 ตัน หรือประมาณร้อยละ 11.8 เมื่อเทียบกับจำนวน 1.163 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตข้าวในประเทศมีปริมาณเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาข้าวในตลาดโลก โดยเฉพาะราคาข้าวเวียดนามยังคงอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวจากเวียดนามมากที่สุด จำนวน 937,309.55 ตัน ลดลงร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับจำนวน 968,329.89 ตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 91 ของปริมาณนำเข้าข้าวทั้งหมด นอกจากนี้ยังนำเข้าจากเมียนมา จำนวน 35,897 ตัน ลดลงร้อยละ 44.4 เมื่อเทียบกับจำนวน 64,569.15 ตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่นำเข้าจากไทยจำนวน 73,359.83 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.14 เมื่อเทียบกับจำนวน 49,187.98 ตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (the Philippine Statistics Agency; PSA) รายงานว่า สต็อกข้าว ณ วันที่ 1 เมษายน 2564 มีจำนวนประมาณ 2.44 ล้านตัน ซึ่งเพียงพอสำหรับบริโภคประมาณ 76 วัน (คำนวณจากความ ต้องการบริโภควันละประมาณ 32,000 ตัน) น้อยกว่าระดับที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 90 วัน โดยปริมาณสต็อกข้าว เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เมื่อเทียบกับจำนวน 2.08 ล้านตัน ในเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับ จำนวน 2.37 ล้านตันในช่วงเดียวกันของปี 2563

ทั้งนี้ สต็อกในคลังขององค์การอาหารแห่งชาติ (The National Food Authority; NFA) มีจำนวนประมาณ 0.24 ล้านตัน ลดลงประมาณร้อยละ 41.9 เมื่อเทียบกับจำนวน 0.42 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (คิดเป็นร้อยละ 9.9 ของสต็อกข้าวทั้งหมด และเพียงพอสำหรับการบริโภคประมาณ 8 วัน) โดยสต็อกข้าว ของ NFA ลดลงร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับจำนวน 0.27 ล้านตัน ในเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

ขณะที่สต็อกในคลังของเอกชน (Commercial warehouses) มีจำนวนประมาณ 0.74 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับจำนวน 0.71 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (คิดเป็นร้อยละ 30.2 ของสต็อกข้าวทั้งหมด และเพียงพอสำหรับการบริโภคประมาณ 23 วัน) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3 เมื่อเทียบกับจำนวน 0.58 ล้านตัน ในเดือนมีนาคม 2564 ส่วนสต็อกในภาคครัวเรือน (Household stocks) มีจำนวนประมาณ 1.46 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 เมื่อเทียบกับจำนวน 1.24301 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (คิดเป็นร้อยละ 59.9 ของสต็อกข้าวทั้งหมด และเพียงพอสำหรับการบริโภคประมาณ 46 วัน) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 เมื่อเทียบกับจำนวน 1.23 ล้านตัน ในเดือนมีนาคม 2564

ที่มา: Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ