สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 12, 2021 13:26 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 5 - 11 กรกฎาคม 2564

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว

1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้

ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก

ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว

2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64 รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1 พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2

2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก

2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา

2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว

2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย

2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง

2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่

2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร

ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ

4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ

4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ

5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น

5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย

5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ

2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และงบประมาณ ดังนี้

2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้

(1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน

(2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

(3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน

(4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ

(5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย3 มาตรการ ได้แก่

(1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 1.82 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,600 บาทรวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท

(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาทคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี

(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2563/64 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2564) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน)นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3

3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64

ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอดำเนินการจ่ายเงินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนในเบื้องต้น

1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 10,519 บาท ราคาลดลงจากตันละ 10,602 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.78

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,447 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 8,348 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.19

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 22,550 บาท ราคาลดลงจากตันละ 22,650 บาท ในสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.44

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,450 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 707 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,678 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 712 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,615 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.70 แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 63 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 431 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,825 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 434 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,785 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.69 แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 40 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 444 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,242 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 447 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,198 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.67 แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 44 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.0770 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

เวียดนาม

สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาข้าวปรับตัวลดลงท่ามกลางภาวะการค้าที่ชะลอลง เนื่องจากความต้องการข้าวจากต่างประเทศลดน้อยลง เพราะผู้ซื้อหันไปให้ความสนใจข้าวจากแหล่งที่มีราคาถูกกว่า เช่น อินเดีย ไทย ดังนั้น ผู้ส่งออกจึงต้องปรับลดราคาข้าวที่เสนอขายลง โดยข้าวขาว 5% ราคาอยู่ที่ประมาณตันละ 478-482 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากตันละ 483-487 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่วงการค้ารายงานว่า สถานการณ์การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และค่าขนส่งสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นมากเป็นอุปสรรคที่สำคัญสำหรับการส่งมอบสินค้าในช่วงนี้ ซึ่งส่งผลให้การทำสัญญาซื้อขายฉบับใหม่มีน้อยลงวงการค้ารายงานว่า ในช่วงครึ่งแรกของเดือนมิถุนายน มีการส่งออกข้าวประมาณ 181,700 ตัน ส่งผลให้ยอดรวมการส่งออกนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางเดือนมิถุนายน 2564 มีประมาณ 2.77 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า หลังจากมีรายงานว่าเวียดนามนำเข้าข้าวจากอินเดียเพิ่มขึ้น อย่างเห็นได้ชัด และมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความผิดปกติของการนำเข้าข้าวจำนวนมากนั้น กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (The Ministry of Industry and Trade) จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยจะมีการตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทนำเข้า-ส่งออก 5 ราย ประกอบด้วย Tan Long Group; Thuan Minh Import-Export Joint Stock Company; Loc Troi Group; Tan Dong Tien Joint Stock Company และ Khanh Tam Company Limited.

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้ส่งหนังสือด่วนไปยังบริษัทเหล่านี้เพื่อขอให้บริษัทมอบหมายตัวแทนให้ทำงานร่วมกับทีมตรวจสอบของกระทรวงฯที่ สำนักงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าใน Ho Chi Minh City และยังขอให้ บริษัทจัดทำรายงานการนำเข้าและการค้าข้าวที่นำเข้าจากอินเดียจากข้อมูลของกระทรวงฯ พบว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม 2564) อินเดียส่งออกข้าวมายังเวียดนามจำนวนประมาณ 247,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 74.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 3,250 เท่า และมูลค่าเพิ่มขึ้น 554 เท่า เมื่อเทียบกับจำนวน 76 ตัน มูลค่าประมาณ 0.135 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ฟิลิปปินส์

กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) รายงานว่า ในปีการตลาด 2564/65 (กรกฎาคม 2564-มิถุนายน 2565) คาดว่า ฟิลิปปินส์จะมีผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 19.683 ล้านตัน หรือประมาณ 12.4 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากจำนวน 19.525 ล้านตัน หรือประมาณ 12.3 ล้านตันข้าวสาร จากการพยากรณ์อย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวในปี 2564/65 จะมีประมาณ 28.56 ล้านไร่ ลดลงจากจำนวน 30 ล้านไร่ ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลผลิตต่อพื้นที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 662 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 656 กิโลกรัมต่อไร่ ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการใช้พันธุ์ข้าวลูกผสมผ่านโครงการส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวลูกผสม (the Hybrid Rice Program)

ด้านการบริโภคข้าวในปี 2564/65 นั้น คาดว่าจะมีประมาณ 14.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 ตัน จากปีก่อนหน้า เนื่องจากคาดว่าจำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นและความต้องการบริโภคข้าวในช่วงฤดูเลือกตั้งจะมีเพิ่มขึ้นสำหรับการนำเข้านั้น คาดว่าในปี 2564/65 จะมีประมาณ 2.1 ล้านตัน ทั้งนี้ จากข้อมูลของหน่วยงาน อุตสาหกรรมพืช (the Bureau of Plant Industry; BPI) รายงานว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-พฤษภาคม 2564) ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวแล้วประมาณ 1.03 ล้านตัน ลดลงประมาณร้อยละ 11.8 เมื่อเทียบกับจำนวน 1.16 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยนำเข้าจากเวียดนามมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 91 ของ การนำเข้าข้าวทั้งหมดทั้งนี้ จากข้อมูลการขอเอกสารรับรองสุขอนามัยพืช (Sanitary and phytosanitary import clearance; SPSIC) ในปีนี้มีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีการยื่นขอเอกสารเพื่อนำเข้าข้าวจำนวนประมาณ 1.94 ล้านตัน ลดลงประมาณร้อยละ 37.8 เมื่อเทียบกับจำนวนประมาณ 3.1 ล้านตัน ในช่วงเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา ซึ่งวงการค้าคาดว่าเกิดจากปัญหาด้านค่าขนส่งสินค้าที่ปรับสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การนำเข้ามีแนวโน้มลดลง

ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ