สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 2, 2021 14:40 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 26 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม 2564

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้

ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก

ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว

2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64 รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1 พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2

2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก

2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา

2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว

2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย

2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง

2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่

2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร

ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ

4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ

4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ

5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น

5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย

5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ

2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และงบประมาณ ดังนี้

2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่

(1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 1.82 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,600 บาทรวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท

(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี

(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2563/64 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2564) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน)นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3

3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64

ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอดำเนินการจ่ายเงินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนในเบื้องต้น

1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 10,134 บาท ราคาลดลงจากตันละ 10,244 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.07

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,022 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 8,072 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.62

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 22,550 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,750 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,790 บาท ในสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.34

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 664 ดอลลาร์สหรัฐฯ (21,661 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (21,640 บาท/ตัน) แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 21 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 402 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,114 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 403 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,134 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.25 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 20 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 412 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,441 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (13,427 บาท/ตัน) แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 14 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.6226 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

ฟิลิปปินส์

ข้อมูลของหน่วยงานอุตสาหกรรมพืช (the Bureau of Plant Industry; BPI) รายงานว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2564) ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวแล้วประมาณ 1.26 ล้านตัน ลดลงประมาณร้อยละ 11.08 เมื่อเทียบกับจำนวน 1.417 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาข้าวในตลาดโลกสูง ประกอบกับปัญหาด้านโลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้า เช่น ค่าระวางเรือสูงขึ้น การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ในขณะที่การเก็บเกี่ยวข้าวในประเทศมีผลผลิตเพิ่มขึ้นจึงทำให้ความต้องการนำเข้าข้าวลดลง

สำหรับการยื่นของเอกสารใบอนุญาตสุขอนามัยในการนำเข้า (sanitary and phytosanitary clearances; SPS-ICs) นั้น ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีการยื่นขอเอกสารจำนวน 2,553 ใบ (ลดลงร้อยละ 35) ซึ่งคิดเป็นจำนวนข้าวที่ขอนำเข้าประมาณ 2.645 ล้านตัน (ลดลงร้อยละ 27) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ฟิลิปปินส์นำเข้าจากเวียดนามมากที่สุดที่จำนวนประมาณ 1.126 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 87 ของการนำเข้าข้าวทั้งหมด ขณะที่การนำเข้าจากปากีสถานและอินเดียมีจำนวนประมาณ 2,638 ตัน และ 109.36 ตัน (ปากีสถานและอินเดีย ถือเป็นสองประเทศที่ได้ประโยชน์จากมาตรการลดอัตราภาษีนำเข้าทั่วไป (MFN Tariff Rates) สำหรับสินค้าข้าวลงเหลือที่ร้อยละ 35 เป็นการชั่วคราว 1 ปี จากเดิมที่การนำเข้าข้าวจากประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกอาเซียนมีอัตราภาษีนำเข้าในโควตาที่ร้อยละ 40 และอัตราภาษีนอกโควตาที่ร้อยละ 50

มีรายงานว่า ทางการฟิลิปปินส์ได้อนุมัติให้นำข้าวที่ใช้วิธีทางพันธุวิศวกรรมหรือ GM ไปปลูกเชิงพาณิชย์เป็นประเทศแรกของโลก โดยเป็นพันธุ์ข้าวสีทอง (Golden Rice) ที่ผู้เชี่ยวชาญหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาเด็กตาบอด และช่วยชีวิตคนในโลกกำลังพัฒนา สถาบันวิจัยข้าวนานาชาติหรืออีรี่ (International Rice Research Institute; IRRI) ในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้าวพันธุ์นี้แจ้งว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ออกใบอนุญาตเรื่องความปลอดภัยทางชีวภาพให้แล้ว เปิดทางให้เกษตรกรทั่วฟิลิปปินส์สามารถปลูกข้าวสีทองผสมเบตาแคโรทีน (beta carotene) ที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ (vitamin A) เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต การสร้างระบบภูมิต้านทาน และการมองเห็น ถือเป็นก้าวสำคัญของโครงการนี้ เพราะเท่ากับรับรองว่าข้าวสีทองปลอดภัยเหมือนข้าวทั่วไป ขั้นต่อไป คือ การนำพันธุ์ข้าวไปขยายเพื่อให้มีการปลูกอย่างกว้างขวางโดยจะเริ่มแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรในบางจังหวัดตั้งแต่ปีหน้า

ทั้งนี้ สถาบันวิจัยข้าวนานาชาติร่วมกับสถาบันวิจัยข้าวฟิลิปปินส์ (the Philippine Rice Research Institute; PhilRice) พัฒนาข้าวสีทองมาร่วม 20 ปี และถูกต่อต้านจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่คัดค้านการตัดแต่งพันธุกรรมพืชที่ใช้เป็นอาหาร ซึ่งสถาบันวิจัยข้าวฯ ชี้แจงว่า ข้าวทั่วไปที่เป็นอาหารหลักของคนในเอเชียหลายล้านคน มีเบตาแคโรทีนเฉพาะในต้นข้าว แต่ไม่มีในเมล็ดข้าว สถาบันวิจัยข้าวฯ จึงทำให้มีสารดังกล่าวในเมล็ดข้าวด้วยเท่านั้น ส่วนวิธีการปลูกก็เหมือนข้าวทั่วไป ไม่ต้องเพิ่มปุ๋ยหรือเปลี่ยนแปลงวิธีการใดๆ โดยผู้รับประทานข้าวพันธุ์นี้จะได้รับวิตามินเอประมาณร้อยละ 30-35 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน

องค์การอนามัยโลกระบุว่า การขาดวิตามินเอทำให้แต่ละปีมีเด็กตาบอดมากถึง 500,000 คน โดยครึ่งหนึ่งจะเสียชีวิตภายใน 12 เดือนหลังจากตาบอด ส่วนฟิลิปปินส์มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบขาดวิตามินเอเกือบร้อยละ 17

ที่มา Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ปากีสถาน

สำนักข่าว The News International ของปากีสถาน รายงานว่า ทางการจีนได้หยุดนำเข้าข้าวจากปากีสถานหลังตรวจพบเชื้อ coronavirus บนกระสอบบรรจุ

นาย Abdul Razak Dawood ที่ปรึกษาการค้าและการลงทุน กล่าวในระหว่างการประชุมของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ของวุฒิสภา โดยระบุว่า ทางการจีนได้รายงานว่ามีการตรวจพบซากเชื้อ coronavirus ที่ตายแล้วบนถุงข้าวจึงได้สั่งระงับการนำเข้าข้าวจากปากีสถาน นอกจากนี้ นาย Razak ยังระบุว่า มีการตรวจพบร่องรอยของเชื้อ COVID-19 ในบรรจุภัณฑ์ของบริษัทด้านประมงอีก 6 แห่ง ดังนั้น จีนจึงหยุดการนำเข้าจากบริษัทเหล่านี้ด้วย

ทั้งนี้ มีการตรวจพบร่องรอยเชื้อไวรัสที่ตายแล้วบริเวณก้นกระสอบข้าว ในขณะที่มีการตรวจพบร่องรอยของเชื้อ coronavirus ที่มีชีวิตนอกบรรจุภัณฑ์สินค้าประมง

ที่มา Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ