สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 20, 2021 15:06 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 13 - 19 ธันวาคม 2564

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว

1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้

1.1) ด้านการผลิต

(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุมค่าเช่าที่นา

(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน

(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต

(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)

(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว

(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)

1.2) ด้านการตลาด

(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร

(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น

(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย

2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้

2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย 3 โครงการ ได้แก่

(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ

โดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท

(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาทคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี

(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3

1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,895 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 9,605 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.02

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,691 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,734 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.55

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 24,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,950 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 668 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,141 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 667 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,230 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.15 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 89 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 402 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,324 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 401 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,364 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.25 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 40 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 405 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,424 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 404 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,464 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.25 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 40 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.1455 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

2.1 สถานการณ์ข้าวโลก

1) การผลิต

ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2564/65 ณ เดือนธันวาคม 2564 ผลผลิต 510.776 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 507.204 ล้านตันข้าวสาร ในปี 2563/64 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.70

2) การค้าข้าวโลก

บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2564/65 ณ เดือนธันวาคม 2564 มีปริมาณผลผลิต 510.776 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 0.70 การใช้ในประเทศ 510.911 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 1.77 การส่งออก/นำเข้า 48.804 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2563/64 ร้อยละ 1.97 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 186.799 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2563/64 ร้อยละ 0.07

โดยประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล เมียนมา ปากีสถาน ปารากวัย ไทย ตุรกี อุรุกวัย และเวียดนาม ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ อาร์เจนตินา กัมพูชา จีน อียู อินเดีย และสหรัฐอเมริกา

สำหรับประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ ไอเวอรี่โคสต์ อียิปต์ เอธิโอเปีย อียู อิหร่าน เคนย่า มาดากัสการ์ เม็กซิโก โมแซมบิค เนปาล ไนจีเรีย ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร

ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าลดลง ได้แก่ บังกลาเทศ บราซิล ฟิลิปปินส์ เซเนกัล แอฟริกาใต้ และสหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย และปากีสถาน ส่วนประเทศที่คาดว่าจะมีสต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ จีน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา

2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาส่งออกข้าวยังคงปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้วหลังจากที่มีข่าวว่าทางการ ฟิลิปปินส์จะระงับการนำเข้าข้าวจากเวียดนามเป็นการชั่วคราว โดยข้าวขาว 5% ราคาอยู่ที่ 410-414 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ลดลงจากระดับ 415-420 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

โดยวงการค้าข้าวรายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดค่อนข้างเงียบท่ามกลางภาวะที่ค่าขนส่งทางเรือยังคงอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ส่งออก ขณะที่เกษตรกรในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงกำลังเร่งหว่านเมล็ดพันธุ์ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2564 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาภัยแล้งและภาวะความเค็ม ซึ่งการเก็บเกี่ยวพืชผลฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (winter-spring crop) จะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565

สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากกรมศุลกากร (the General Department of Vietnam Customs) ว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2564 เวียดนามส่งออกข้าวประมาณ 566,358 ตัน ลดลงประมาณร้อยละ 8.40 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 61.00 ทำให้ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-พฤศจิกายน 2564) เวียดนามส่งออกข้าวได้แล้วประมาณ 5.75 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.80 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

เมียนมาร์

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง รายงานว่า ตามรายงานของสหพันธ์ข้าวเมียนมาร์ (MRF) ระบุว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เมียนมาร์ส่งออกข้าวขาวและข้าวหักได้มากกว่า 501,590 ตัน โดยในเดือน พฤศจิกายน 2564 บริษัทผู้ส่งออกข้าวของเมียนมาทั้งหมด 34 แห่ง ได้ส่งมอบข้าวให้กับคู่ค้าต่างประเทศทางเรือแล้วประมาณ 262,662 ตัน ในขณะที่ข้าวอีก 22,561 ตัน ถูกส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางบกและประมาณ 285,223 ตัน อย่างไรก็ตามปริมาณการส่งออกทางพรมแดนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการปิดด่านชายแดน

โดยข้อมูลจาก MRF แสดงให้เห็นว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ราคาส่งออกข้าวขาวพันธุ์ดีอยู่ที่ 325-348 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งขึ้นอยู่กับพันธุ์และคุณภาพข้าวที่แตกต่างกัน โดยราคาส่งออกข้าวเมียนมาร์ค่อนข้างต่ำกว่าราคาข้าวของไทย และเวียดนาม แต่สูงกว่าราคาข้าวของอินเดีย และปากีสถาน

สำหรับในช่วงที่ผ่านมา เมียนมาส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศ 13 แห่ง โดยประเทศจีน คือ ผู้ซื้อรายใหญ่ รองลงมา คือ แคเมอรูน สเปน ไอวอรี่โคสต์ และฟิลิปปินส์ ขณะเดียวกันเมียนมาร์ได้ส่งออกข้าวหักไปยังประเทศจีน เป็นหลัก รองลงมา คือ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม สเปน และฝรั่งเศส โดยในเดือนตุลาคม 2564 มีปริมาณข้าวขาวและข้าวหักส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศมากกว่า 216,375 ตัน ซึ่งในปี 2563 เมียนมาร์มีรายได้กว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการส่งออกข้าว

โดยมีปริมาณการส่งออกมากกว่า 2.50 ล้านตัน ขณะที่ในช่วงเดือนตุลาคม 2563 - กันยายน 2564 เมียนมาร์มีรายได้ประมาณ 700.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการส่งออกข้าวขาวและข้าวหัก ถึงแม้ว่าจะมีการหยุดชะงักของการค้าชายแดนที่เกิดจากผลกระทบด้านลบของการระบาดของ COVID-19

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ