นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) และโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด - 19 ในปี 2564 ที่ผ่านมาว่า ท่ามกลางวิกฤตการณ์แพร่ระบาดดังกล่าว แม้ว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก แต่สถิติภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในช่วง 11 เดือนของปี 2564 (มกราคม ? พฤศจิกายน 2564) ยังคงแข็งแกร่ง โดยภาพรวมการค้าไทยกับทั่วโลก คิดเป็นมูลค่า 1,273,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่า 1,098,475 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.96)
หากพิจารณาเฉพาะการค้าระหว่างไทยกับประเทศที่ไทยทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA) ซึ่งไม่นับรวมประชาคมอาเซียน ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี อินเดีย ฮ่องกง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่า ภาพรวมการค้า อยู่ที่ 760,148 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.42) โดยการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย มีมูลค่ากว่า 597,634 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.81) ทั้งนี้ ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าคิดเป็นมูลค่า 435,120 ล้านบาท ตลาดส่งออกที่ขยายตัวมากที่สุด ได้แก่ อินเดีย จีน สาธารณรัฐเกาหลี นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ตามลำดับ สำหรับสินค้าเกษตรที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยางธรรมชาติ มูลค่า 159,157 ล้านบาท ผลไม้สด มูลค่า 128,818 ล้านบาท สตาร์ชและอินูลิน มูลค่า 46,979 ล้านบาท มันสำปะหลัง มูลค่า 36,034 ล้านบาท กุ้งสด/แช่เย็น/แช่แข็ง มูลค่า 26,210 ล้านบาท และน้ำมันปาล์ม มูลค่า 22,349 ล้านบาท เป็นต้น
นอกจากนี้ การค้าสินค้าเกษตรของไทยกับประชาคมอาเซียน 9 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ และเวียดนาม ระหว่างเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2564 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 พบว่า ภาพรวมการค้ามูลค่าการค้ารวม 402,912 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.71) โดยการส่งออกสินค้าเกษตรไทย มีมูลค่า 279,737 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.01) ทั้งนี้ ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า คิดเป็นมูลค่า 156,563 ล้านบาท โดยที่ไทยส่งออกไปยัง มาเลเซีย เป็นอันดับหนึ่ง และรองลงมา ได้แก่ เวียดนาม และ กัมพูชา ตามลำดับ สินค้าเกษตรส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องดื่มประเภทนมยูเอชที นมถั่วเหลือง มูลค่า 42,297 ล้านบาท น้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากน้ำตาล มูลค่า 35,054 ล้านบาท ยางพารา (ธรรมชาติ) มูลค่า 27,057 ล้านบาท ของปรุงแต่งเบ็ดเตล็ดที่บริโภคได้ มูลค่า 25,928 ล้านบาท และของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้ง และนม มูลค่า 22,583 ล้านบาท
ด้านนายวินิต อธิสุข รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวเสริมว่า จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า สถิติการค้าสินค้าเกษตรไทย ยังถือว่ามีทิศทางที่ดี โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการเริ่มมีการปรับตัวตามสภาวการณ์ ทำให้ไทยมีโอกาสและแนวโน้มในการส่งออกเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีปัจจัย ที่สนับสนุนภาคการเกษตรไทยจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2564 ซึ่งส่งผลดีต่อการเพาะปลูกพืช และการประมง ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวดีขึ้น สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรในการเพิ่มกำลังการผลิต รวมไปถึงการดำเนินนโยบายและมาตรการเชิงรุกและเชิงรับของภาครัฐ การขยายช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่ภาครัฐได้มีการส่งเสริมการแสวงหาตลาดทดแทนโดยการจัดทำ FTA
ทั้งนี้ FTA ฉบับล่าสุดของไทยที่เพิ่งจะมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 คือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ที่จะมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรที่ไทยมีศักยภาพ จากการที่ชาติภาคีสมาชิกมีการลดและยกเลิกภาษีศุลกากรให้กับสินค้าเกษตรไทยเพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่เดิมกับไทย เช่น ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ และแป้งมันสำปะหลัง รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการเพิ่มโอกาสในการขยายห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค โดยผู้ประกอบการมีทางเลือกในการใช้แหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นจากการนำวัตถุดิบมาใช้ในการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้า ตลอดจนการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน เช่น การลดความซ้ำซ้อนเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า และการปรับประสานกฎระเบียบและมาตรการทางการค้าให้มีมาตรฐานเดียวกัน และที่สำคัญ กระทรวงเกษตรฯ ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสินค้าเกษตร ทั้งพืช ประมง และปศุสัตว์ ในทุกกระบวนการอย่างเข้มงวด ดังนั้น สินค้าเกษตรไทยจึงยังคงสามารถส่งออกได้ในตลาดโลกภายใต้สถานการณ์โควิด-19 รวมไปถึงการปฏิบัติตามแนวทางสากลในการควบคุมสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่การผลิตตามแนวทางการปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดขององค์การ FAO เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคและประเทศคู่ค้าต่าง ๆ
การส่งออกสินค้าเกษตรไทย ปี2563 ปี2564 อัตรา มูลค่า (ล้านบาท) มูลค่า (ล้านบาท) (ร้อยละ) ภาพรวมการค้า 587,328 760,148 29.42% การส่งออกFTA 449,986 597,634 32.81% ตลาดส่งออก - อินเดีย 10,987 30,993 182% - จีน 219,478 342,580 56% #NAME? 23,675 29,077 23% - นิวซีแลนด์ 4,545 5,310 17% - ญี่ปุ่น 128,786 133,886 4% กลุ่มสินค้าเกษตรส่งออก - น้ำมันปาล์ม 4,846 22,349 361% - มันสำปะหลัง 19,037 36,034 89% - ยางธรรมชาติ 96,421 159,157 65% - ผลไม้สด 79,781 128,818 61% - สตาร์ชและอินูลิน 32,547 46,979 44% - กุ้งสด/แช่เย็น/แช่แข็ง 22,365 26,210 17% สถานการณ์ส่งออกสินค้าเกษตรไทยกับประชาคมอาเซียน 9 ประเทศ (ม.ค. ? พ.ย. 63 เปรียบเทียบ ม.ค. ? พ.ย. 64) การส่งออกสินค้าเกษตรไทย ปี2563 ปี2564 อัตรา มูลค่า (ล้านบาท) มูลค่า (ล้านบาท) (ร้อยละ) ภาพรวมการค้า 388,516 402,912 3.71% การส่งออก 274,215 279,737 2.01% ตลาดส่งออก - มาเลเซีย 46,783 64,335 37.51% - เวียดนาม 55,311 43,148 -21.99% - กัมพูชา 45,259 41,528 -8.24% กลุ่มสินค้าเกษตรส่งออก - เครื่องดื่ม 43,192 42,297 -2.07% - น้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากน้ำตาล 46,038 35,054 -23.86% - ยางพารา (ธรรมชาติ) 20,780 27,057 30.21% - ของปรุงแต่งเบ็ดเตล็ดที่บริโภคได้ 23,124 25,928 12.12% - ของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้ง และนม 21,586 22,583 4.62%
ที่มา : กองเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ รวบรวมจากสถิติการค้าสินค้าของกรมศุลกากร ข้อมูล ณ วันที่ 10 มกราคม 2565
************************************************
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : กองเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร