สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 31, 2022 15:13 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 24 - 30 มกราคม 2565

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว

1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้

1.1) ด้านการผลิต

(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุมค่าเช่าที่นา

(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณ น้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน

(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต

(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)

(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว

(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)

1.2) ด้านการตลาด

(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร

(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น

(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย

2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้

2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย 3 โครงการ ได้แก่

(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ โดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท

(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาทคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี

(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3

2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท

1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,120 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 10,921 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.82

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,932 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,870 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.78

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 25,850 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 25,370 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.89

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,950 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 12,650 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.37

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 756 ดอลลาร์สหรัฐฯ (24,816 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 750 ดอลลาร์สหรัฐฯ (24,618 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.80 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 198 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 438 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,377 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 426 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,983 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.82 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 394 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 435 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,279 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 423 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,885 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.84 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 394 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.8252 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

กัมพูชา

ประธานสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (the president of the Cambodian Rice Federation; CRF) ค่าดว่าการส่งออกข้าวสารของกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรปในปี 2565 นี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากมีการเพิกถอนมาตราการทางภาษีนำเข้าข้าวจากกัมพูชา ซึ่งคาดว่าการส่งออกข้าวสารไปยังสหภาพยุโรปจะเพิ่มขึ้นแต่อาจจะไม่สูงมากนัก เนื่องจากกัมพูชามุ่งเน้นการส่งออกข้าวหอมและข้าวคุณภาพสูงระดับพรีเมียม (fragrant rice and premium high-quality rice) มากกว่าในปี 2561 สหภาพยุโรปกำหนดอัตราภาษีนำเข้าภายใต้มาตรการป้องกัน (the safeguard scheme)เป็นการชั่วคราวเพื่อปกป้องเกษตรกรของสหภาพยุโรป หลังจากการที่มีการนำเข้าข้าวเมล็ดยาวที่มีราคาถูกจากกัมพูชาและเมียนมาร์เพิ่มมากขึ้น ภายใต้โครงการสิทธิพิเศษทางภาษี Everything But Arms (EBA) ของสหภาพยุโรป

โดยสหภาพยุโรปได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าข้าวจากกัมพูชาและเมียนมาร์ที่อัตรา 198 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ในปีแรก (2561) และในปีต่อมา (2562) ที่อัตรา 170 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และ 142 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ในปีที่ 3 (2563) ตามลำดับ

ในปี 2016 (2559) ตลาดสหภาพยุโรปคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ของการส่งออกข้าวสารทั้งหมดของ กัมพูชา แต่ในปี 2021 (2564) สัดส่วนลดลงเหลือร้อยละ 20 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการภาษีนำเข้าข้าวจากกัมพูชา

ทั้งนี้ ก่อนมีมาตรการทางภาษีนำเข้าข้าว กัมพูชาเคยส่งออกข้าวไปยังสหภาพยุโรปปีละประมาณ 300,000 ตัน แต่หลังจากที่มีมาตรการทางภาษีศุลกากร ทำให้การส่งออกข้าวของกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรปลดลงเหลือประมาณ 140,000 ตัน โดยสหพันธ์ข้าวกัมพูชามีความกระตือรือร้นที่จะเพิ่มการส่งออกข้าวให้กลับไปสู่ระดับก่อนที่จะมีมาตรการทางภาษีอย่างช้าๆ

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

อินเดีย

ภาวะราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงปรับตัวสูงขึ้นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน (ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564) เนื่องจากมีปัญหาด้านการขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้อุปทานข้าวในตลาดค่อนข้างตึงตัว ประกอบกับค่าเงินรูปีมีทิศทางแข็งค่าขึ้น โดยราคาข้าวนึ่ง 5% ราคาอยู่ที่ตันละ 375-382 ดอลลาร์สหรัฐฯ (เป็นราคาสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2564) เพิ่มขึ้นจากตันละ 367-375 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ของอินเดีย (the Commerce Ministry) คาดว่าในปีงบประมาณ 2021/22 (เมษายน 2564-มีนาคม 2565) อินเดียจะสามารถส่งออกข้าวได้ประมาณ 21-22 ล้านตัน และคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรจะมีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นมูลค่าส่งออกที่มากเป็นประวัติการณ์ของอินเดีย และมากกว่ามูลค่าส่งออกในปีงบประมาณ 2020/21 ที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าประมาณ 41,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ไนจีเรีย

หนังสือพิมพ์ the Leadership ของประเทศไนจีเรียรายงานโดยอ้างถึงกรมศุลกากรไนจีเรีย (the Nigeria Customs Service; NCS) ว่า รัฐบาลไนจีเรียได้สั่งห้ามการนำเข้าข้าวนึ่งผ่านทางท่าเรือของประเทศ (the seaports) ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2016 (2559) รัฐบาลไนจีเรียสั่งห้ามการนำเข้าข้าวผ่านพรมแดน (land borders)ของประเทศที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากที่ธนาคารกลางของไนจีเรีย (the Central Bank of Nigeria; CBN)หยุดทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินตราสำหรับการนำเข้าข้าวผ่านทางท่าเรือ

ทั้งนี้ มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรไนจีเรีย (NCS) ได้สกัดกั้นตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรทุกข้าวนึ่งที่มาจากต่างประเทศ โดยผู้บริหารระดับสูงของ NCS กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลได้สั่งห้ามการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมการผลิตข้าวในประเทศ นอกจากนี้ TVC News ยังรายงานว่า การผลิตข้าวในประเทศมีปริมาณเพิ่มขึ้นจาก 5.4 ล้านตัน ในปี 2015 (2558) เป็นมากกว่า 9 ล้านตัน ในปี 2021 (2564) ซึ่งเป็นมาจากการดำเนินการตามโครงการ Anchor Borrower's Program (ABP)

จนถึงขณะนี้โครงการดังกล่าว (ABP) ได้ให้การสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยกว่า 4.8 ล้านคน ทั่วประเทศ สำหรับการผลิตสินค้าเกษตร 23 รายการ เช่น ข้าวโพด ข้าว ปาล์มน้ำมัน โกโก้ ฝ้าย มันสำปะหลัง มะเขือเทศ ปศุสัตว์และอื่นๆ ซึ่งก่อนการดำเนินการของโครงการ ABP ประเทศไนจีเรียมีโรงสีข้าวมาตรฐานในประเทศเพียง 15 แห่ง

แต่ขณะนี้จำนวนโรงสีข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 50 แห่ง แล้ว ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากมีนักลงทุนรายใหม่จำนวนมากกระตือรือร้นที่จะลงทุนในธุรกิจการเกษตรของประเทศเนื่องจากคาดหวังว่าจะสร้างผลกำไรมากขึ้น

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ