สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 8, 2022 14:07 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 28 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2565

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว

1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้

1.1) ด้านการผลิต

(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุมค่าเช่าที่นา

(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน

(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต

(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)

(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว

(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)

1.2) ด้านการตลาด

(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร

(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น

(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย

2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้

2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย 3 โครงการ ได้แก่

(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ

โดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท

(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี

(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3

2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65

ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท

1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,502 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,413 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.78

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,601 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,834 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.97 2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 25,950 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,170 บาท ราคาลดลงจากตันละ 12,210 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.33 3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 781 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25,285 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 784 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25,117 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.38 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 168 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 419 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,565 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,488 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 77 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 419 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,565 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,488 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 77 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.3758 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

เวียดนาม

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาข้าวค่อนข้างทรงตัว โดยราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ระดับ 395-400 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เมื่อเทียบกับระดับ 400 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน (นับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2564)

วงการค้าข้าวระบุว่า ช่วงนี้ผู้นำเข้าข้าวกำลังหาซื้อข้าวพอสมควร ขณะที่บางส่วนได้รอให้ราคาข้าวปรับลดลงในช่วงของการเก็บเกี่ยวข้าวฤดูการผลิตฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ (the winter-spring harvest) ที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดสูงสุดในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2565 โดยคาดว่าการส่งออกข้าวในเดือนมีนาคมนี้จะเพิ่มมากขึ้น โดยตลาดหลักคาดว่า จะยังคงเป็นประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศในแถบแอฟริกา ซึ่งจากข้อมูลการส่งมอบข้าวขึ้นเรือในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่ามีการขนถ่ายสินค้าข้าวประมาณ 219,000 ตัน ที่ท่าเรือ Ho Chi Minh City (HCMC) ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยส่วนใหญ่มีปลายทางที่ฟิลิปปินส์

The Oceanic Agency and Shipping Service รายงานว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ? 2 มีนาคม 2565 จะมีเรือบรรทุกสินค้า (breakbulk ships) อย่างน้อย 21 ลำ เข้ามารอรับสินค้าข้าวที่ท่าเรือ Ho Chi Minh City (HCMC) Port เพื่อรับมอบข้าวประมาณ 223,782 ตัน

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (the General Statistics Office; GSO) รายงานว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 400,000 ตัน มูลค่าประมาณ 191 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2565) เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 906,000 ตัน มูลค่าประมาณ 437 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 38.6 และมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 22.3 เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีที่ผ่านมา

ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

อินเดีย

ภาวะราคาข้าวเมื่อปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการข้าวจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศในแถบแอฟริกา และเอเชีย แม้ว่าค่าเงินรูปีจะอ่อนค่าลงก็ตาม ส่งผลให้ราคาข้าวนึ่ง 5% ราคาอยู่ที่ระดับ 370-376 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 368-374 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เมื่อสัปดาห์ก่อน กรมการอาหารและการกระจายสินค้าสาธารณะ สังกัดกระทรวงกิจการผู้บริโภค อาหาร และการกระจายสินค้าสาธารณะ (The Department of Food and Public Distribution under the Ministry of Consumer Affairs, Food and Public Distribution) แถลงว่า โครงการจัดหาข้าวของรัฐบาลในฤดูการผลิต Kharif (Kharif marketing season; KMS) ของปี 2564/65 (1 ตุลาคม 2564-30 กันยายน 2565) ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 สามารถจัดหาข้าวเปลือกได้ประมาณ 69.567 ล้านตัน จากหลายๆ รัฐ เช่น Punjab 18.685 ล้านตัน Chhattisgarh 9.201 ล้านตัน Telangana 7.022 ล้านตัน Uttar Pradesh 6.404 ล้านตัน Haryana 5.53 ล้านตัน Odisha 4.938 ล้านตัน Madhta Pradesh 4.582 ล้านตัน Bihar 4.25 ล้านตัน Andhra Pradesh 3.449 ล้านตัน Tamil Nadu 1.566 ล้านตัน Maharashtra 1.33 ล้านตัน Uttrakhand 1.156 ล้านตัน และ West Bengal 0.547 ล้านตัน เป็นต้น โดยมีเกษตรกรที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้แล้วประมาณ 9.414657 ล้านราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 18.233 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (คิดเป็นราคาเฉลี่ยของข้าวที่รัฐบาลรับซื้อประมาณ 262 เหรียญสหรัฐต่อตัน)

สำหรับโครงการจัดหาข้าวของรัฐบาลในฤดูการผลิต Kharif (Kharif marketing season; KMS) ของปี 2563/64 (1 ตุลาคม 2563-30 กันยายน 2564) ที่ผ่านมา รัฐบาลสามารถจัดหาข้าวได้ประมาณ 89.24 ล้านตันข้าวเปลือก ประกอบด้วย ข้าวจากฤดูการผลิต Kharif crop ประมาณ 71.81 ล้านตัน และจากฤดูการผลิต Rabi crop ประมาณ 17.615 ล้านตัน โดยจัดหาได้จากหลายๆ รัฐ เช่น Punjab 20.282 ล้านตัน Telangana 14.109 ล้านตัน Andhra Pradesh 8.457 ล้านตัน Odisha 7.733 ล้านตัน Chhattisgarh 6.974 ล้านตัน Uttar Pradesh 6.684 ล้านตัน Haryana 5.654 ล้านตัน Tamil Nadu 4.49 ล้านตัน Bihar 3.559 ล้านตัน Madhta Pradesh 3.726 ล้านตัน West Bengal 2.77 ล้านตัน Maharashtra 1.88 ล้านตัน และ Uttrakhand 1.072 ล้านตัน เป็นต้น โดยมีเกษตรกรที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้แล้วประมาณ 13.113 ล้านราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 22.43752 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (คิดเป็นราคาเฉลี่ยของข้าวที่รัฐบาลรับซื้อประมาณ 261 เหรียญสหรัฐต่อตัน) ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสวัสดิการเกษตรกร (Ministry of Agriculture & Farmers Welfare) แถลงว่า รัฐบาลอินเดียได้ประกาศราคาอุดหนุนขั้นต่ำ (Minimum Support Prices; MSP) สำหรับสินค้าเกษตรหลัก จำนวน 22 ชนิด ที่มีคุณภาพเฉลี่ยในระดับปานกลาง (Fair Average Quality; FAQ) ในฤดูการเพาะปลูก หลังจากที่มีการพิจารณาตามคำแนะนำของคณะกรรมการต้นทุนและราคาสินค้าเกษตร (Commission for Agricultural Costs and Prices; CACP) แล้วโดยรัฐบาลประกาศราคารับซื้อข้าวขั้นต่ำ (the minimum support price; MSP) สำหรับฤดูการผลิต Kharif (มิถุนายน-กันยายน) ปี 2564/65 (ตุลาคม 2564-กันยายน 2565) ซึ่งรัฐบาลได้ประเมินต้นทุนการผลิตของเกษตรกร

ในปี 2564/65 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,293 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 177 เหรียญสหรัฐต่อตัน) ดังนั้น เพื่อให้เกษตรกรมีผลกำไรประมาณร้อยละ 50 จากการเพาะปลูกข้าว รัฐบาลจึงกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำสำหรับข้าวคุณภาพธรรมดาไว้ที่ 1,940 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 260 เหรียญสหรัฐต่อตัน) เพิ่มขึ้น 72 รูปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3.85 จาก 1,868 รูปี ต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 247 เหรียญสหรัฐต่อตัน) ในปี 2563/64 ขณะที่ข้าวคุณภาพดี (Grade ?A? paddy) กำหนดไว้ที่ 1,960 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 262 เหรียญสหรัฐต่อตัน) เพิ่มขึ้น 72 รูปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3.8 จาก 1,888 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณ 250 เหรียญสหรัฐต่อตัน) ในปี 2563 ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ