สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 25, 2022 15:06 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 18 - 24 เมษายน 2565

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว

1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้ 1.1) ด้านการผลิต

(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุมค่าเช่าที่นา

(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน

(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต

(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)

(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว

(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)

1.2) ด้านการตลาด

(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร

(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น

(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย

2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้

2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย3 โครงการ ได้แก่

(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพโดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท

(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาทคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี

(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3

2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท

1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,736 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,694 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.36

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,517 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 8,391 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.15 2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 25,950 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 25,800 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.58

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,910 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 12,750 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.25 3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.5224 บาท

2. สถานการณ์การผลิตและการค้าของโลก

2.1 สถานการณ์ข้าวโลก

1) การผลิต

ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2564/65 ณ เดือนเมษายน 2565 ผลผลิต 513.025 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 508.842 ล้านตันข้าวสาร ในปี 2563/64 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.82

2) การค้าข้าวโลก

บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2564/65 ณ เดือนเมษายน 2565 มีปริมาณผลผลิต 513.025 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 0.82 การใช้ในประเทศ 511.191 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 1.53 การส่งออก/นำเข้า 52.537 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 1.77 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 188.816 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 0.98 โดยประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล พม่า อียู กายานา ปากีสถาน ไทย อุรุกวัย และเวียดนาม ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ อาร์เจนตินา กัมพูชา จีน อินเดีย ปารากวัย ตุรกี และสหรัฐอเมริกา

สำหรับประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ บราซิล จีน อียิปต์ เอธิโอเปีย อียู อิหร่าน อิรัก เคนย่า มาดากัสการ์ มาเลเซีย เม็กซิโก เนปาล ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ ซาอุดิอาระเบีย ศรีลังกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าลดลง ได้แก่ กานา กินี ญี่ปุ่น เซเนกัล และสหราชอาณาจักรประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และไทย ส่วนประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา

2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาข้าวปรับสูงขึ้น โดยราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ระดับ 420 - 425 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก 400 - 415 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะเงินเฟ้อที่เกิดจากปัจจัยด้านราคาอาหาร ประกอบกับเกษตรกรมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากราคาปุ๋ยเคมี และยากำจัดศัตรูพืชที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่ความต้องการข้าวจากต่างประเทศในช่วงนี้ค่อนข้างซบเซา สวนทางกับภาวะอุปทานข้าวที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่กำลังมีการเก็บเกี่ยวข้าวในฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (the winter-spring crop) ของปี 2564/65 ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง โดยคาดว่าการเก็บเกี่ยวข้าวจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายน 2565

The Oceanic Agency and Shipping Service รายงานว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 2 - 20 เมษายน 2565 จะมีเรือบรรทุกสินค้า (breakbulk ships) อย่างน้อย 20 ลำ เข้ามารอรับสินค้าข้าวที่ท่าเรือ Ho Chi Minh City (HCMC) Port เพื่อรับมอบข้าวประมาณ 200,540 ตัน

กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) รายงานว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เวียดนามส่งออกข้าวจำนวน 468,144 ตัน ลดลงประมาณร้อยละ 6.21 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2565 ที่ส่งออกจำนวน 499,145 ตัน โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ชนิดข้าวที่เวียดนามส่งออก ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 178,880 ตัน ข้าวขาว 10% จำนวน 1,581 ตัน ข้าวขาว 15% จำนวน 25,388 ตัน ข้าวขาว 25% จำนวน 22,428 ตัน ปลายข้าวขาว จำนวน 22,588 ตัน ข้าวเหนียว จำนวน 31,015 ตัน ข้าวหอม จำนวน 179,262 ตัน และข้าวอื่นๆ จำนวน 7001 ตัน โดยส่งไปยังตลาดในภูมิภาคต่างๆ ประกอบด้วย

1. ตลาดเอเชีย จำนวน 391,351 ตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 168,587 ตัน ข้าวขาว 10% จำนวน 1,466 ตัน ข้าวขาว 15% จำนวน 25,388 ตัน ข้าวขาว 25% จำนวน 21,956 ตัน ปลายข้าวขาว จำนวน 21,178 ตัน ข้าวเหนียว จำนวน 30,886 ตัน ข้าวหอม จำนวน 117,902 ตัน และข้าวอื่นๆ จำนวน 3,988 ตัน

2. ตลาดแอฟริกา จำนวน 52,978 ตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 735 ตัน ปลายข้าวขาว จำนวน 260 ตัน ข้าวหอม จำนวน 51,956 ตัน และข้าวอื่นๆ จำนวน 27 ตัน

3. ตลาดยุโรป จำนวน 6,688 ตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 2,327 ตัน ข้าวขาว 25% จำนวน 311 ตัน ข้าวเหนียว จำนวน 32 ตัน ข้าวหอม จำนวน 2,241 ตัน และข้าวอื่นๆ จำนวน 1,777 ตัน

4. ตลาดอเมริกา จำนวน 3,493 ตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 125 ตัน ข้าวขาว 25% จำนวน 113 ตัน ข้าวเหนียว จำนวน 97 ตัน ข้าวหอม จำนวน 2,938 ตัน และข้าวอื่นๆ จำนวน 219 ตัน

5. ตลาดโอเชียเนีย จำนวน 13,635 ตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 7,106 ตัน ข้าวขาว 10% จำนวน 115 ตัน ข้าวขาว 25% จำนวน 48 ตัน ปลายข้าวขาว จำนวน 1,150 ตัน ข้าวหอม จำนวน 4,224 ตัน และ ข้าวอื่นๆ จำนวน 992 ตัน

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงฮานอย รายงานว่า กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม (MARD) ได้รายงานว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 (มกราคม-มีนาคม) เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 1.48 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 715 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 24 และมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาสแรกของปี 2565 ส่งออกไปยังตลาดดั้งเดิมของเวียดนาม เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และจีน ที่ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ระบุว่า ความต้องการอาหารในโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัญญาณที่กลุ่มธุรกิจต่างๆ สามารถใช้โอกาสจากตลาดและข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อช่วยกระตุ้นการส่งออกของเวียดนามได้

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (the EU-Vietnam Free Trade Agreementว EVFTA) มีผลบังคับใช้ ราคาส่งออกข้าวเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปได้ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10-20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันซึ่งสำนักงานสถิติ Eurostat ของสหภาพยุโรป ระบุว่า จากการที่หลายประเทศมีการส่งออกข้าวไปยังกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ปรากฏว่าข้าวจากเวียดนามมีราคาสูงที่สุด โดยเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 ขณะที่สมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam Food Association; VFA) ระบุว่า ราคาส่งออกข้าวเวียดนามอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ ด้านผู้เกี่ยวข้องในวงการอุตสาหกรรม ระบุว่า ผู้ส่งออกข้าวเวียดนามจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพข้าวเพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดสหภาพยุโรป

นาย Nguyen Dinh Bich นักวิเคราะห์ตลาดข้าวได้กล่าวว่า ราคาข้าวเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลกระทบของการขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลือง ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

สำนักข่าว Vietnam Express รายงานว่า จากการที่ได้เกิดฝนตกหนักในช่วงต้นเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลกระทบกับนาข้าวในภาคกลางของเวียดนามประมาณ 643,750 ไร่ คณะกรรมการขับเคลื่อนแห่งชาติเพื่อการป้องกันและควบคุมภัยพิบัติแห่งชาติ (the National Steering committee for National Disaster Prevention and Control) รายงานว่า ฝนที่ตกลงมาและการเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเกษตรกรรมใน 9 จังหวัดของภาคกลาง โดยมีพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 125,000 ไร่ ได้รับผลกระทบในจังหวัด Thua Thien และมีนาข้าวประมาณ 105,000 ไร่ และ 94,375 ไร่ ถูกน้ำท่วมในจังหวัด Quang Nam และBinh Dinh ตามลำดับ

ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

อินเดีย

ภาวะราคาข้าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาร่วงลง เนื่องจากอุปทานเพิ่มขึ้น โดยราคาข้าวนึ่ง 5% ราคาอยู่ที่ระดับ 364 - 368 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ลดลงจากระดับ 365 - 369 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะค่าเงินรูปีที่อ่อนค่าลง ประกอบกับอุปทานข้าวในตลาดมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากการที่รัฐบาลได้ขยายระยะเวลาการอุดหนุนธัญพืชสำหรับประชาชนผู้ยากไร้ออกไปอีก 6 เดือน ทำให้อุปทานข้าวในตลาดมีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวอยู่ภายใต้แรงกดดันวงการค้า ระบุว่า ความต้องการข้าวจากต่างประเทศที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มของข้าวหักที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์

สำนักงานข่าวกรองและสถิติการค้า (the Directorate General of Commercial Intelligence and Statistics) รายงานว่า การส่งออกข้าวของอินเดียในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีจำนวน 2.01 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดีย (the India Meteorological Department; IMD) พยากรณ์ว่า ในช่วงฤดูมรสุม/ฤดูฝน ของปีนี้ อินเดียจะมีฝนตกลงมาในระดับปกติซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อการผลิตพืชเกษตรตามปกติแล้ว ในทุกๆ ปี ฤดูมรสุมจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน โดยจะเริ่มจากมีพายุฝนพัดเข้าทางภาคใต้ในพื้นที่ของรัฐ Kerala (เกรละเป็นรัฐหนึ่งในทางตะวันตกเฉียงใต้ของชายฝั่งมะละบาร์ของประเทศอินเดีย) และฤดูมรสุมจะกระจายตัวไปทั่วประเทศจนถึงเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าในปีนี้ระดับค่าเฉลี่ยระยะยาว (the long term average) จะอยู่ที่ ร้อยละ 99 (โดยทางการได้กำหนดค่าเฉลี่ยหรือปริมาณน้ำฝนปกติอยู่ระหว่างร้อยละ 96 ถึงร้อยละ 104 ของค่าเฉลี่ย 50 ปีที่ระดับ 87 เซนติเมตร (35 นิ้ว) สำหรับฤดูฝนเริ่มต้นวันที่ 1 มิถุนายน) กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดีย (IMD) คาดว่า พื้นที่ปลูกชา ยางพารา และข้าว ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และภาคใต้แถบคาบสมุทร อาจได้รับปริมาณน้ำฝนที่ต่ำกว่าปกติทางด้านหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของหน่วยงานจัดอันดับ ICRA ซึ่งเป็นหน่วยงานของ Moody's ของอินเดีย กล่าวว่า การคาดการณ์ที่น่ายินดีของฤดูมรสุมในปีนี้ จะอยู่ในระดับปกติ ประกอบกับระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำในทุกภูมิภาคอยู่ในระดับดี ที่ส่งผลดีต่อการเริ่มต้นหว่านเมล็ดพืชในช่วงฤดูร้อน (summer crop)

ขณะที่ ผู้แทนของบริษัทการค้าระดับโลกกล่าวว่า ฤดูมรสุมที่จะมีฝนตกในระดับปกติจะช่วยให้อินเดียรักษาสถานะการส่งออกข้าว และลดการนำเข้าน้ำมันพืชได้ในฤดูกาลหน้าทั้งนี้ เกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่เพาะปลูกของอินเดียไม่มีระบบชลประทาน โดยจะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนประจำปีที่จะเริ่มมีฝนตกตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายนของทุกปี ซึ่งมูลค่าทางการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 15 ของเศรษฐกิจแต่เกี่ยวข้องกับประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมดที่มีประมาณ 1.3 พันล้านคน

องค์การอาหารแห่งชาติ (The Food Corporation of India; FCI) รายงานว่า สต็อกข้าว ณ วันที่ 1 เมษายน 2565 มีประมาณ 55.04 ล้านตัน (รวมข้าวสารที่คำนวณมาจากสต็อกข้าวเปลือกประมาณ 33.903 ล้านตัน) เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับจำนวน 49.93 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา แต่ลดลงประมาณร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับจำนวน 59.13 ล้านตัน ในเดือนมีนาคม 2565

ขณะที่สต็อกธัญพืช (ข้าว ข้าวสาลี และธัญพืชอื่นๆ) โดยรวมของอินเดีย ณ วันที่ 1 เมษายน 2565 มีประมาณ 74.513 ล้านตัน ลดลงประมาณร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับจำนวน 78.031 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสต็อกข้าวสาลีมีประมาณ 18.99 ล้านตัน ลดลงประมาณร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับจำนวน 27.304 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ