สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ อนุมัติเงินจำนวน 148.79 ล้านบาท ปรับโครงสร้างสินค้าโคเนื้อ ชา ปาล์มน้ำมัน หวังลดผลกระทบและเพิ่มขีดความสามารถจากการเปิดเสรีทางการค้า
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรว่า ในปี 2550 กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ได้อนุมัติเงินจำนวน 148.79 ล้านบาท ปรับโครงสร้างสินค้าโคเนื้อ ชา ปาล์มน้ำมัน เพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ
จากการที่ประเทศไทยได้จัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี FTA และ AFTA ทำให้ต้องทยอยลดภาษีเป็น 0 ภายใน 3-15 ปี สินค้าโคเนื้อ ชา และปาล์มน้ำมัน เป็นสินค้าที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบและจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การปรับโครงสร้างสินค้าโคเนื้อจะช่วยให้ประเทศไทยมีโคเนื้อที่มีพันธุกรรมดีขึ้นอย่างน้อย 60,000 ตัวใน 5 ปี และ 270,000 ตัวใน 10 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงโคพันธุ์มีรายได้จากการขายพ่อพันธุ์เพิ่มขึ้น ผลิตน้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ที่มีพันธุกรรมยอดเยี่ยม คิดเป็นมูลค่าเศรษฐกิจส่วนรวมเพิ่มขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงการจำนวน 1,395 ล้านบาท มีตลาดกลางได้มาตรฐานซื้อขายโคเป็นระบบ มีการฝึกอบรมและถ่ายทอดให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ มีความรู้เรื่องการเลี้ยงโคเนื้อ การผสมเทียม ความปลอดภัยของเนื้อโค และระบบตรวจสอบย้อนกลับ ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการฟาร์มเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด นอกจากนี้ กองทุนฯ ยังสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำศูนย์กระจายสินค้าเนื้อโคขุนคุณภาพดีสู่ตลาดเนื้อชั้นสูงในพื้นที่ที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ ทดแทนการนำเข้า 2 จุด ได้แก่บริเวณตลาด อ.ต.ก. กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
ด้านการปรับโครงสร้างสินค้าชา ได้ดำเนินการอย่างครบวงจรโดยกองทุนฯ สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การผลิตชาคุณภาพ และการจัดซื้อเครื่องจักร รวมทั้งอุปกรณ์แปรรูปชา ช่วยเพิ่มมูลค่าและราคาที่เกษตรกรขายได้ของชาในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชาที่สำคัญของประเทศ ทำให้ราคาชาอัสสัมแห้งเพิ่มขึ้นจาก กก.ละ 80 บาท เป็น 120 — 150 บาท และชาจีนอู่หลงอบแห้งเพิ่มขึ้นจาก กก.ละ 400 — 500 บาท เป็น 1,000 — 1,500 บาท
สำหรับการปรับโครงสร้างสินค้าปาล์มน้ำมัน กองทุนฯ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมเกษตรกรในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปาล์มน้ำมันที่กำหนดให้เกษตรกรต้องผ่านการฝึกอบรมก่อนขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. การดำเนินงานดังกล่าวช่วยพัฒนาเกษตรกรให้มีความรู้เรื่องการผลิตปาล์มน้ำมันไม่น้อยกว่า 50,000 คน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และยังเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความต้องการผลผลิตปาล์มน้ำมันตามนโยบายพลังงานให้ใช้ B2 ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะได้ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน และจะรายงานผลการดำเนินงานให้ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ทราบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มีการใช้เงินกองทุนฯ อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดต่อไป
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรว่า ในปี 2550 กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ได้อนุมัติเงินจำนวน 148.79 ล้านบาท ปรับโครงสร้างสินค้าโคเนื้อ ชา ปาล์มน้ำมัน เพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ
จากการที่ประเทศไทยได้จัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี FTA และ AFTA ทำให้ต้องทยอยลดภาษีเป็น 0 ภายใน 3-15 ปี สินค้าโคเนื้อ ชา และปาล์มน้ำมัน เป็นสินค้าที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบและจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การปรับโครงสร้างสินค้าโคเนื้อจะช่วยให้ประเทศไทยมีโคเนื้อที่มีพันธุกรรมดีขึ้นอย่างน้อย 60,000 ตัวใน 5 ปี และ 270,000 ตัวใน 10 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงโคพันธุ์มีรายได้จากการขายพ่อพันธุ์เพิ่มขึ้น ผลิตน้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ที่มีพันธุกรรมยอดเยี่ยม คิดเป็นมูลค่าเศรษฐกิจส่วนรวมเพิ่มขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงการจำนวน 1,395 ล้านบาท มีตลาดกลางได้มาตรฐานซื้อขายโคเป็นระบบ มีการฝึกอบรมและถ่ายทอดให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ มีความรู้เรื่องการเลี้ยงโคเนื้อ การผสมเทียม ความปลอดภัยของเนื้อโค และระบบตรวจสอบย้อนกลับ ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการฟาร์มเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด นอกจากนี้ กองทุนฯ ยังสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำศูนย์กระจายสินค้าเนื้อโคขุนคุณภาพดีสู่ตลาดเนื้อชั้นสูงในพื้นที่ที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ ทดแทนการนำเข้า 2 จุด ได้แก่บริเวณตลาด อ.ต.ก. กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
ด้านการปรับโครงสร้างสินค้าชา ได้ดำเนินการอย่างครบวงจรโดยกองทุนฯ สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การผลิตชาคุณภาพ และการจัดซื้อเครื่องจักร รวมทั้งอุปกรณ์แปรรูปชา ช่วยเพิ่มมูลค่าและราคาที่เกษตรกรขายได้ของชาในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชาที่สำคัญของประเทศ ทำให้ราคาชาอัสสัมแห้งเพิ่มขึ้นจาก กก.ละ 80 บาท เป็น 120 — 150 บาท และชาจีนอู่หลงอบแห้งเพิ่มขึ้นจาก กก.ละ 400 — 500 บาท เป็น 1,000 — 1,500 บาท
สำหรับการปรับโครงสร้างสินค้าปาล์มน้ำมัน กองทุนฯ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมเกษตรกรในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปาล์มน้ำมันที่กำหนดให้เกษตรกรต้องผ่านการฝึกอบรมก่อนขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. การดำเนินงานดังกล่าวช่วยพัฒนาเกษตรกรให้มีความรู้เรื่องการผลิตปาล์มน้ำมันไม่น้อยกว่า 50,000 คน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และยังเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความต้องการผลผลิตปาล์มน้ำมันตามนโยบายพลังงานให้ใช้ B2 ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะได้ติดตามประเมินผลการดำเนินงาน และจะรายงานผลการดำเนินงานให้ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ทราบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มีการใช้เงินกองทุนฯ อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดต่อไป
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-