สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 16, 2023 13:16 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 9 - 15 มกราคม 2566

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว

1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2565/66 ดังนี้

1.1) ด้านการผลิต

(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุมค่าเช่าที่นา

(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน (ส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าวอินทรีย์) และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน

(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเสริมสร้างรายได้แก่เกษตรกร โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2566 โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต

(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)

(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มและพื้นแข็ง การปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมไทย การปรับปรุงพันธุ์ข้าวโภชนาการสูง และการปรับปรุงพันธุ์ข้าวเหนียว

(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)

1.2) ด้านการตลาด

(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการพัฒนาระบบตลาดภายในสำหรับสินค้าเกษตร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก

(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการปกป้องและแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า

(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทย โครงการส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวอินทรีย์ไทย และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว พร้อมมาตรการคู่ขนาน และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้

2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ประกอบด้วย 3 โครงการ ได้แก่

(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2565/66 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เป้าหมายจำนวน 2.5 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท

(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2565/66โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 10,000 ล้านบาทคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี

(3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2565/66 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 - 31 มีนาคม 2566 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2566) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3

2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท

1.2 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,132 บาท

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,593 บาท

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 31,050 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 29,550 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.08

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,650 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,225 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.79

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 873 ดอลลาร์สหรัฐฯ (28,926 บาท/ตัน)

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 511 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,931 บาท/ตัน)

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 514 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17,031 บาท/ตัน)

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.1339 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

อินโดนีเซีย

สำนักข่าว ANTARA รายงานว่า นาย Budi Waseso ประธานผู้อำนวยการของ Bulog กล่าวว่า ตลอดทั้งปี นับตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 สำนักงานโลจิสติกส์แห่งรัฐ (Bulog) ดำเนินการกระจายข้าวออกสู่ตลาดประมาณ 1.2 ล้านตัน เพื่อตรวจสอบความผันผวนของภาวะราคาอาหารในประเทศ ซึ่งถือเป็นปริมาณข้าวที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของ Bulog ที่มีการกระจายเข้าไปจำหน่ายในตลาดโดยหน่วยงาน Bulog จะยังคงดำเนินการทางตลาดขนาดใหญ่ต่อไป โดยจะมีสต็อกเพิ่มเติมที่ได้รับจากการนำเข้าซึ่งสอดคล้องกับภารกิจในการสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจของประเทศ โดย Bulog ได้ดำเนินการดูแลสต็อกข้าวให้เพียงพอในราคาที่เหมาะสม ดังนั้นภาวะราคาข้าวในตลาดที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจะไม่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความกังวล ทั้งนี้ Bulog จะติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างต่อเนื่องและจะเพิ่มอุปทานข้าวเข้าไปในตลาดโดยใช้ปริมาณข้าวสำรองของรัฐบาล (the government's rice reserves; CBP) และปริมาณข้าวที่นำเข้ามาเพิ่มเติม ดังนั้น ปริมาณข้าวที่จำหน่ายในตลาดของ Bulog จะยังคงมีเพิ่มขึ้นไปจนถึงสิ้นปี โดย Bulog ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ดูแลปริมาณสำรองข้าวให้อยู่ที่ประมาณ 1-1.5 ล้านตัน

นาย Budi Waseso อธิบายเพิ่มเติมว่า การนำเข้าข้าวจำนวน 500,000 ตัน นั้น คาดว่าจะช่วยในการตรวจสอบภาวะราคาข้าวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งในทางจิตวิทยาการนำเข้าข้าวจะทำให้สินค้ามีปริมาณมากขึ้น และเมื่อตลาดเชื่อว่า Bulog มีสต็อกข้าวอยู่ จะทำให้ Bulog สามารถควบคุมภาวะราคาข้าวในตลาดได้ พร้อมทั้งย้ำว่า การนำเข้าข้าวจะไม่เป็นอันตรายต่อชาวนา เนื่องจากฤดูเก็บเกี่ยวข้าวจะเริ่มในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

ทางด้านกระทรวงเกษตรอินโดนีเซีย ยืนยันว่า การจัดหาข้าวภายในประเทศจะมีอย่างเพียงพอ ทั้งในช่วง คริสต์มาสและปีใหม่ และมีการสร้างความใกล้ชิดระหว่างกลุ่มผู้ผลิตข้าวกับผู้บริโภคให้มากขึ้น โดยจัดตั้งตลาดข้าว 6 จุดในเขตอีสต์จาการ์ตา และอีก 5 จุด ในเขตมหานครจาการ์ตา เพื่อจำหน่ายข้าวในราคาย่อมเยา

ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

อินเดีย

ภาวะราคาข้าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาทรงตัวในระดับสูง (ซึ่งเป็นระดับราคาที่สูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือน พฤศจิกายนที่ผ่านมา) เนื่องจากมีความต้องการข้าวจากผู้ซื้อต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพราะผู้ซื้อบางส่วนหันมาซื้อข้าวจาก อินเดียที่ยังคงมีราคาถูกกว่าข้าวไทยและเวียดนาม ขณะที่อุปทานข้าวในตลาดมีเพิ่มขึ้นจากการที่มีผลผลิตฤดูใหม่ออกสู่ตลาด โดยราคาข้าวนึ่ง 5% อยู่ที่ตันละ 375-382 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า

ขณะที่ผู้ส่งออกข้าวในเมือง Kakinada ในรัฐ Andhra Pradesh ทางตอนใต้ของประเทศ กล่าวว่า ปกติแล้วในช่วงครึ่งหลังของเดือนธันวาคมของทุกปีตลาดจะเงียบเหงา แต่ในปีนี้ผู้ค้าข้าวต่างได้รับคำสั่งซื้อมากขึ้น เนื่องจากราคาข้าวอินเดียต่ำกว่าราคาข้าวของไทยและเวียดนามมาก ทำให้ผู้ซื้อหันมาซื้อข้าวจากอินเดียมากขึ้น โดยผู้ค้าข้าวรายหนึ่งระบุว่า ประเทศคิวบาได้หันมาซื้อข้าวจากอินเดียจากเดิมที่เคยซื้อแต่เวียดนาม ซึ่งในขณะนี้มีเรือบรรทุกสินค้าที่กำลังขนถ่ายสินค้าขึ้นเรือปริมาณ 28,150 ตัน ที่ท่าเรือ Kakinada Port

นอกจากนี้ยังมีข่าวว่ารัฐบาลบังคลาเทศกำลังเจรจาซื้อข้าวนึ่งจากรัฐบาลอินเดียภายใต้ข้อตกลงแบบรัฐต่อรัฐ (government-to-government deals) จำนวน 200,000 ตัน ด้วย

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า อินเดียมีแนวโน้มที่จะยกเลิกข้อจำกัดในการส่งออกข้าว เพื่อผ่อนคลายกระแสความตรึงเครียดด้านภาวะอาหารทั่วโลกหลังจากที่เกิดกรณีการรุกรานประเทศยูเครนของรัสเซีย

ทั้งนี้ ทางการกำลังพิจารณายกเลิกการจำกัดการส่งออกข้าวบางส่วน เนื่องจากในขณะนี้ภาวะราคาข้าวในประเทศอยู่ในระดับทรงตัว ขณะที่สต็อกธัญพืชในคลังของรัฐบาลก็มีเพียงพอต่อความต้องการสำหรับการใช้ในโครงการสวัสดิการของรัฐบาลแล้ว นาย B.V. Krishna Rao ประธานสมาคมผู้ส่งออกข้าว (The Rice Exporters Association) ระบุว่า กลุ่มผู้ส่งออกจะเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดบางประการในการส่งออก เนื่องจากอุปทานในประเทศมีปริมาณเพิ่มขึ้นหลังจากที่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวในฤดูการผลิตหลัก (Kharif crop) โดยผู้ส่งออกจะขออนุมัติให้สามารถส่งออกข้าวหักได้อย่างน้อย 1 ล้านตัน และขอให้ยกเลิกภาษีร้อยละ 20 สำหรับการส่งออกข้าวขาว

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของทางการกำลังพิจารณาจะขายข้าวสาลีประมาณ 2 ล้านตัน จากสต็อกสำรองของรัฐบาลเข้าสู่ตลาดเพื่อควบคุมราคา ซึ่งอาจจะขายในราคาคงที่แก่ผู้นำไปใช้รวมถึงโรงโม่แป้งด้วย

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า หน่วยงานที่กำกับและควบคุมตลาดของอินเดีย ระบุว่าการซื้อขายสัญญา อนุพันธ์ของสินค้าเกษตรที่สำคัญ (รวมถึงข้าวเปลือก ถั่วเหลือง และอนุพันธ์น้ำมันปาล์มดิบ ข้าวสาลี ข้าวเปลือกถั่วชิกพีกรัมเขียว และมัสตาร์ดเรพซีด) จะขยายระยะเวลาในการระงับการซื้อขายออกไปอีกหนึ่งปี เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอินเดีย (The Securities and Exchange Board of India; SEBI) ได้ระงับการซื้อขายล่วงหน้าในสินค้าเกษตรที่สำคัญเป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อจำกัดอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ในการแจ้งเตือนล่าสุดของคณะกรรมการฯ ระบุว่าการระงับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2566 ทั้งนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมต่างแสดงความไม่พอใจต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการฯ โดย ระบุว่า การขยายเวลาในการระงับการซื้อขายถือเป็นการเดินถอยหลัง เพราะภาคธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรมจะถูกกีดกันจากการป้องกันความเสี่ยงและกลไกในการค้นหาราคาเพื่อการดำเนินธุรกิจที่ราบรื่น และจะเผชิญกับความผันผวนของราคากระทรวงเกษตรฯ (the Ministry of Agriculture and Farmers? Welfare (MOAFW)) รายงานว่า ณ วันที่ 6 มกราคม 2566 เกษตรกรเพาะปลูกข้าวฤดูการผลิตรอง หรือ Rabi crop แล้วประมาณ 13.3125 ล้าน ไร่ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับจำนวน 10.3125 ล้านไร่ ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ฤดูการผลิตรอง หรือ Rabi crop ของอินเดียจะเริ่มหว่านเมล็ดในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนและเก็บเกี่ยวในเดือนมีนาคม-เมษายนของทุกปี

สำนักข่าว Hindustan Times รายงานว่า ในปีการผลิต 2022/23 (กันยายน-ธันวาคม 2565) ผลผลิตข้าวบาสมาติในพื้นที่เพาะปลูกหลักของอินเดียที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐปัญจาบ คาดว่าจะมีประมาณ 2.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 57 เมื่อเทียบกับประมาณ 1.4 ล้านตัน ในปีการผลิต 2021/22 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของผลผลิตข้าวบาสมาติในรัฐนี้เป็นผลมาจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยและพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ด้านประธานสมาคมโรงสีและผู้ส่งออกข้าวปัญจาบ (The Punjab Rice Millers and Exporters Association) กล่าวว่า พื้นที่เพาะปลูกข้าวบาสมาติเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยเจ้าหน้าที่การเกษตรของรัฐปัญจาบ ระบุว่า พื้นที่เพาะปลูกข้าวบาสมาติอยู่ที่ประมาณ 2.875 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากประมาณ 2.75 ล้านไร่ ในปีที่แล้ว แหล่งข่าวในตลาดระบุว่าราคาข้าวบาสมาติในฤดูกาลปัจจุบันอยู่ระหว่าง 2,000-5,850 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม (ประมาณตันละ 242-707 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เทียบกับราคาปีที่แล้วที่ 1,900-4,225 รูปีต่อควินทัล (ตันละ 230-510 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งราคาในปัจจุบันถือว่าสูงที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

อิหร่าน

สำนักข่าว Financial Tribune รายงานโดยอ้างสมาคมผู้นำเข้าข้าวแห่งอิหร่าน (the Rice Importers Association of Iran) ว่า ขณะนี้รัฐบาลอิหร่านได้สั่งห้ามนำเข้าข้าวทั้งหมดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 และไม่อนุญาตให้นำข้าวผ่านพิธีการทางศุลกากร

ขณะที่ หอการค้า อุตสาหกรรม เหมืองแร่ และการเกษตรอิหร่าน (the Iran Chamber of Commerce, Industries, Mines and Agriculture) ได้อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ขอทางการที่ระบุว่า มาตรการห้ามนำเข้าข้าว ในช่วงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลในการปรับสมดุลการค้าทวิภาคีกับต่างประเทศ ซึ่งในขณะนี้ รัฐบาลได้ห้ามนำเข้าข้าวจากทุกประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้สั่งห้ามนำเข้าข้าวจากอินเดียแล้ว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทางการแสดงความกังวลว่า การตัดสินใจของรัฐบาลอาจนำไปสู่การขาดแคลนข้าวในตลาดภายในประเทศ เนื่องจากผลผลิตข้าวในประเทศยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ

ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ