กระทรวงเกษตรฯ ผนึกกำลังศึกษาธิการ จัดทำโครงการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติเพื่อไปประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดี และก่อให้เกิดการพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน แนะผู้สนใจสมัคร ได้ที่ สนง.เกษตรจังหวัด และสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การเกษตรเป็นรากฐานสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย การที่จะพัฒนาภาคเกษตรให้ได้ผลนั้น จำเป็นต้องมีกำลังคนที่มีคุณภาพ และปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อความสำเร็จคือ การจัดการศึกษาด้านการเกษตรที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ เพื่อสร้างองค์ความรู้ทางการเกษตร ทั้งในเรื่องการให้บริการเทคโนโลยี การจัดการเครื่องจักรกลการเกษตร การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการจัดการด้านการตลาดให้เข้าถึงเยาวชนและผู้ที่สนใจ เพื่อให้สามารถนำความรู้และทักษะไปประกอบอาชีพทางการเกษตรได้ รวมทั้งสอดคล้องกับความต้องการด้านเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนเป็นการเชื่อมโยงโลกของการศึกษาและโลกของการทำงานด้านการเกษตรให้สอดคล้องกันอีกด้วย เพื่อมุ่งสู่การประกอบอาชีพที่มีความมั่นคงและมีคุณภาพ
ดังนั้น นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำโครงการและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ ผ่านกลไกวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยประมง และวิทยาลัยการอาชีพ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยได้เปิดตัวโครงการไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติเพื่อไปประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เกษตรกรรายอื่น ตลอดจนก่อให้เกิดการพัฒนา การเกษตรที่ยั่งยืน
โดยผ่านการเรียนการสอนของสถาบันอาชีวศึกษา ซึ่งกิจกรรมดำเนินงานประกอบด้วย การสร้างโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้ เพื่อเตรียมเตรียมรองรับการเรียนภาคปฏิบัติ โดยปรับปรุงพื้นที่และโครงสร้งพื้นฐานในวิทยาลัยเกษตรกรรม 44 แห่ง / วิทยาลัยประมง 3 แห่ง / วิทยาลัยการอาชีพ 25 แห่ง เตรียมความพร้อมด้านองค์ความรู้และทักษะผ่านกระบวนการเรียนรู้จากสถาบันอาชีวศึกษา ต่อมาคือ การสร้างโอกาสเข้าถึงทรัพยากรที่ดิน เพื่อจัดระบบการถือครองที่ดินให้แก่เกษตรกรรุ่นใหม่ ตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อให้บุคคลที่สนใจมีสิทธิเข้าทำประโยชน์ การสร้างโอกาสเข้าถึงอาชีพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินทำกิน และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยผ่านกระบวนการยอมรับ (Adoption Process) และกระบวนการแพร่กระจายนวัตกรรม (Diffusion Process) ด้วยการจัดรูปและพัฒนาแปลงที่ดินทำกินรายแปลงของเกษตรกร และการพัฒนาอาชีพเพื่อลดรายจ่าย — สร้างรายได้ (ด้านพืชเศรษฐกิจ / ด้านประมง / ด้านปศุสัตว์ / ด้านบัญชีครัวเรือน / ด้านความร่วมมือเอกชนเฉพาะด้าน) สุดท้ายคือการสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อสร้างระบบการพึ่งพาซึ่งกันและกัน รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงจากการประกอบอาชีพ ด้วยการรวมกลุ่มและพัฒนาธุรกิจกลุ่ม (วิสาหกิจชุมชน / สหกรณ์) การเอื้อประโยชน์เข้าสู่แหล่งทุน (กองทุนปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม / กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร / กองทุนสหกรณ์ / สถาบันการเงิน / ภาคเอกชน)
นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้รับสมัครบุคคลทั่วไปที่สนใจประกอบอาชีพเกษตรกรรมเข้าร่วมโครงการในหลักสูตรเฉพาะทาง (ระยะกลาง) เฉพาะวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี และวิทยาลัยประมง รวม 47 แห่ง ปีละ 30 ราย / แห่ง หลักสูตรครบวงจร (ระยะยาว) สถาบันอาชีวศึกษา 76 แห่ง (จังหวัด) โดยปี 2551 แห่งละ 1 รุ่น ปี 2552 — 2555 แห่งละ 2 รุ่น รุ่นละ 30 ราย / แห่ง ต่อมาคือหลักสูตรเสริมความรู้แก้ไขปัญหาเกษตรกร รับ 76 จังหวัด / แห่งละ 1,000 ราย / ปี รวม 76,000 ราย / ปี และสุดท้ายคือหลักสูตร ปวช. / ปวส. เฉพาะวิทยาลัยเกษตรและเทคโลยี และวิทยาลัยประมง รวม 47 แห่ง (เพิ่มเติมเงื่อนไขหลักสูตรปกติ) ปีละ 30 ราย / แห่ง ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสมัครได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดทุกแห่ง และสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ หรือ website สถาบันอาชีวศึกษา และ website ของ ส.ป.ก. ที่ www.alro.go.th
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การเกษตรเป็นรากฐานสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย การที่จะพัฒนาภาคเกษตรให้ได้ผลนั้น จำเป็นต้องมีกำลังคนที่มีคุณภาพ และปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อความสำเร็จคือ การจัดการศึกษาด้านการเกษตรที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ เพื่อสร้างองค์ความรู้ทางการเกษตร ทั้งในเรื่องการให้บริการเทคโนโลยี การจัดการเครื่องจักรกลการเกษตร การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการจัดการด้านการตลาดให้เข้าถึงเยาวชนและผู้ที่สนใจ เพื่อให้สามารถนำความรู้และทักษะไปประกอบอาชีพทางการเกษตรได้ รวมทั้งสอดคล้องกับความต้องการด้านเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนเป็นการเชื่อมโยงโลกของการศึกษาและโลกของการทำงานด้านการเกษตรให้สอดคล้องกันอีกด้วย เพื่อมุ่งสู่การประกอบอาชีพที่มีความมั่นคงและมีคุณภาพ
ดังนั้น นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำโครงการและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ ผ่านกลไกวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยประมง และวิทยาลัยการอาชีพ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยได้เปิดตัวโครงการไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติเพื่อไปประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เกษตรกรรายอื่น ตลอดจนก่อให้เกิดการพัฒนา การเกษตรที่ยั่งยืน
โดยผ่านการเรียนการสอนของสถาบันอาชีวศึกษา ซึ่งกิจกรรมดำเนินงานประกอบด้วย การสร้างโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้ เพื่อเตรียมเตรียมรองรับการเรียนภาคปฏิบัติ โดยปรับปรุงพื้นที่และโครงสร้งพื้นฐานในวิทยาลัยเกษตรกรรม 44 แห่ง / วิทยาลัยประมง 3 แห่ง / วิทยาลัยการอาชีพ 25 แห่ง เตรียมความพร้อมด้านองค์ความรู้และทักษะผ่านกระบวนการเรียนรู้จากสถาบันอาชีวศึกษา ต่อมาคือ การสร้างโอกาสเข้าถึงทรัพยากรที่ดิน เพื่อจัดระบบการถือครองที่ดินให้แก่เกษตรกรรุ่นใหม่ ตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อให้บุคคลที่สนใจมีสิทธิเข้าทำประโยชน์ การสร้างโอกาสเข้าถึงอาชีพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินทำกิน และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยผ่านกระบวนการยอมรับ (Adoption Process) และกระบวนการแพร่กระจายนวัตกรรม (Diffusion Process) ด้วยการจัดรูปและพัฒนาแปลงที่ดินทำกินรายแปลงของเกษตรกร และการพัฒนาอาชีพเพื่อลดรายจ่าย — สร้างรายได้ (ด้านพืชเศรษฐกิจ / ด้านประมง / ด้านปศุสัตว์ / ด้านบัญชีครัวเรือน / ด้านความร่วมมือเอกชนเฉพาะด้าน) สุดท้ายคือการสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อสร้างระบบการพึ่งพาซึ่งกันและกัน รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงจากการประกอบอาชีพ ด้วยการรวมกลุ่มและพัฒนาธุรกิจกลุ่ม (วิสาหกิจชุมชน / สหกรณ์) การเอื้อประโยชน์เข้าสู่แหล่งทุน (กองทุนปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม / กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร / กองทุนสหกรณ์ / สถาบันการเงิน / ภาคเอกชน)
นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้รับสมัครบุคคลทั่วไปที่สนใจประกอบอาชีพเกษตรกรรมเข้าร่วมโครงการในหลักสูตรเฉพาะทาง (ระยะกลาง) เฉพาะวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี และวิทยาลัยประมง รวม 47 แห่ง ปีละ 30 ราย / แห่ง หลักสูตรครบวงจร (ระยะยาว) สถาบันอาชีวศึกษา 76 แห่ง (จังหวัด) โดยปี 2551 แห่งละ 1 รุ่น ปี 2552 — 2555 แห่งละ 2 รุ่น รุ่นละ 30 ราย / แห่ง ต่อมาคือหลักสูตรเสริมความรู้แก้ไขปัญหาเกษตรกร รับ 76 จังหวัด / แห่งละ 1,000 ราย / ปี รวม 76,000 ราย / ปี และสุดท้ายคือหลักสูตร ปวช. / ปวส. เฉพาะวิทยาลัยเกษตรและเทคโลยี และวิทยาลัยประมง รวม 47 แห่ง (เพิ่มเติมเงื่อนไขหลักสูตรปกติ) ปีละ 30 ราย / แห่ง ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสมัครได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดทุกแห่ง และสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศ หรือ website สถาบันอาชีวศึกษา และ website ของ ส.ป.ก. ที่ www.alro.go.th
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-