กระทรวงเกษตรฯ เผย ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ได้พิจารณาการเปิดตลาดสินค้าเกษตร ปี 51 ตามข้อตกลงระหว่างประเทศ จำนวน 9 รายการ พร้อมจัดสรรโควตาส่งออกสินค้าเกษตรภายใต้กรอบ JTEPA ด้านปัญหาปุ๋ย เตรียมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเร่งด่วน
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบการเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย - นิวซีแลนด์ จำนวน 9 รายการ ได้แก่ เมล็ดกาแฟ กาแฟสำเร็จรูป ชา พริกไทย ลำไยแห้ง กระเทียม หอมหัวใหญ่ เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง โดยการเปิดตลาดสินค้ามันฝรั่ง มีการเปิดตลาดนำเข้าทั้งหัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ในปริมาณที่มากกว่าข้อผูกพันเพื่อใช้เป็นพันธุ์ในการเพาะปลูก บริโภค และรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมภายในประเทศ
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีข้อคิดเห็นร่วมกันว่า การเปิดตลาดนำเข้าควรมีการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบต่อเกษตรกร และสินค้ารายการใดที่มีการเปิดตลาดในปริมาณมากกว่าข้อผูกพัน และมีการลดภาษีในโควตา ควรให้มีการเก็บเงินส่วนหนึ่งจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นเข้ากองทุนปรับโครงสร้างเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการทำข้อตกลงด้วย สำหรับการจัดสรรโควตาส่งออกภายใต้ JTEPA มีสินค้าเกษตร 2 รายการ ได้แก่ สับปะรดสดและกล้วยสด ที่ประชุมเห็นชอบให้เปิดตลาดส่งออกตามข้อตกลงได้
อย่างไรก็ตาม ควรต้องมีการผลักดันให้มีการเจรจาสินค้าสับปะรดอีกครั้ง โดยขอปรับเปลี่ยนการส่งออกสับปะรดไปญี่ปุ่นจากขนาด 900 กรัม เป็น 1.2 - 1.5 กิโลกรัมตามที่ไทยผลิตได้ หากการเจรจาครั้งใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ ไทยจะขอเจรจาแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นแทน นอกจากนี้ ได้มีการพิจารณาเรื่องปัญหาปุ๋ยเคมีราคาแพง ที่ประชุมจึงมีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาปุ๋ยเคมีราคาแพง เพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิตและซื้อปุ๋ยในราคาที่เป็นธรรม นายอภิชาต กล่าวทิ้งท้าย
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบการเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย - นิวซีแลนด์ จำนวน 9 รายการ ได้แก่ เมล็ดกาแฟ กาแฟสำเร็จรูป ชา พริกไทย ลำไยแห้ง กระเทียม หอมหัวใหญ่ เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง โดยการเปิดตลาดสินค้ามันฝรั่ง มีการเปิดตลาดนำเข้าทั้งหัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ในปริมาณที่มากกว่าข้อผูกพันเพื่อใช้เป็นพันธุ์ในการเพาะปลูก บริโภค และรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมภายในประเทศ
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีข้อคิดเห็นร่วมกันว่า การเปิดตลาดนำเข้าควรมีการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบต่อเกษตรกร และสินค้ารายการใดที่มีการเปิดตลาดในปริมาณมากกว่าข้อผูกพัน และมีการลดภาษีในโควตา ควรให้มีการเก็บเงินส่วนหนึ่งจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นเข้ากองทุนปรับโครงสร้างเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการทำข้อตกลงด้วย สำหรับการจัดสรรโควตาส่งออกภายใต้ JTEPA มีสินค้าเกษตร 2 รายการ ได้แก่ สับปะรดสดและกล้วยสด ที่ประชุมเห็นชอบให้เปิดตลาดส่งออกตามข้อตกลงได้
อย่างไรก็ตาม ควรต้องมีการผลักดันให้มีการเจรจาสินค้าสับปะรดอีกครั้ง โดยขอปรับเปลี่ยนการส่งออกสับปะรดไปญี่ปุ่นจากขนาด 900 กรัม เป็น 1.2 - 1.5 กิโลกรัมตามที่ไทยผลิตได้ หากการเจรจาครั้งใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ ไทยจะขอเจรจาแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นแทน นอกจากนี้ ได้มีการพิจารณาเรื่องปัญหาปุ๋ยเคมีราคาแพง ที่ประชุมจึงมีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาปุ๋ยเคมีราคาแพง เพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการผลิตและซื้อปุ๋ยในราคาที่เป็นธรรม นายอภิชาต กล่าวทิ้งท้าย
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-