สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดผลไม้ภาคตะวันออก พบ ในปี 51 ผลผลิตลดลงจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย แต่มีการกระจายตัวของผลผลิตค่อนข้างดีเนื่องจากมีผลผลิตหลายรุ่น ส่วนการกระจุกตัวจะมีมากในช่วงเดือนพฤษภาคม พร้อมเตรียมมาตรการแผนรองรับเพื่อแก้ไขปัญหาผลไม้ทั้งระบบ
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ปี 2551 ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา คาดว่า ผลผลิตผลไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ทุเรียน เงาะ มังคุดและลองกอง ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี ระยองและตราด โดยมีผลผลิตทั้งสิ้น 828,400 ตัน ทุเรียนจะมีผลผลิตมากที่สุด จำนวน 375,400 ตัน รองลงมาได้แก่ เงาะ จำนวน 280,600 ตัน มังคุด จำวน 110,600 ตัน และลองกอง จำนวน 62,000 ตัน ส่วนในด้านการตลาดผลไม้ในปีนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลกระทบ เช่น ค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน การแข็งตัวของค่าเงินบาท ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในและต่างประเทศ สำหรับตลาดจีนซึ่งเป็นคู่ค้าหลักที่สำคัญของไทย พบว่า ในปีนี้แหล่งผลิตลำไยและลิ้นจี่ประสบกับสภาพอากาศที่หนาวจัด โดยเฉพาะมณฑลกวางสี คาดว่า ผลผลิตลิ้นจี่และลำไยลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 20 และ30 ตามลำดับ ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีของผลไม้ไทยที่จะเข้าไปทดแทนผลไม้จีนที่ลดลงดังกล่าว ถึงแม้ผลผลิตผลไม้ปี 2551 จะลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่จะมีการกระจุกตัวในช่วงเดือนพฤษภาคมโดยเฉพาะช่วงวิกฤติในวันที่ 21 — 31 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดวันละประมาณ 18,000 ตัน อาจส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรได้รับตกต่ำลงได้โดยเฉพาะผลผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำที่อาจจะเกิดขึ้น สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ประสานงานกับกรมส่งเสริมการเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนงาน/โครงการรองรับเพื่อแก้ไขปัญหาผลไม้ทั้งระบบแล้ว โดยเน้นในเรื่องการกระจายผลผลิตผลไม้ภายในประเทศ การแปรรูป การผลักดันการส่งออกไปยังตลาดต่าง ๆ อการส่งเสริมการส่งออกผ่านการค้าชายแดนออ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการบริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความต้องการผลไม้มากจากการที่พื้นที่ปลูกผลไม้ที่สำคัญในมณฑกวางสีได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศหนาวจัด และการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในเดือนสิงหาคมนี้
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ปี 2551 ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา คาดว่า ผลผลิตผลไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ทุเรียน เงาะ มังคุดและลองกอง ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี ระยองและตราด โดยมีผลผลิตทั้งสิ้น 828,400 ตัน ทุเรียนจะมีผลผลิตมากที่สุด จำนวน 375,400 ตัน รองลงมาได้แก่ เงาะ จำนวน 280,600 ตัน มังคุด จำวน 110,600 ตัน และลองกอง จำนวน 62,000 ตัน ส่วนในด้านการตลาดผลไม้ในปีนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลกระทบ เช่น ค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน การแข็งตัวของค่าเงินบาท ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในและต่างประเทศ สำหรับตลาดจีนซึ่งเป็นคู่ค้าหลักที่สำคัญของไทย พบว่า ในปีนี้แหล่งผลิตลำไยและลิ้นจี่ประสบกับสภาพอากาศที่หนาวจัด โดยเฉพาะมณฑลกวางสี คาดว่า ผลผลิตลิ้นจี่และลำไยลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 20 และ30 ตามลำดับ ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีของผลไม้ไทยที่จะเข้าไปทดแทนผลไม้จีนที่ลดลงดังกล่าว ถึงแม้ผลผลิตผลไม้ปี 2551 จะลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่จะมีการกระจุกตัวในช่วงเดือนพฤษภาคมโดยเฉพาะช่วงวิกฤติในวันที่ 21 — 31 พฤษภาคม และคาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดวันละประมาณ 18,000 ตัน อาจส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรได้รับตกต่ำลงได้โดยเฉพาะผลผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำที่อาจจะเกิดขึ้น สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ประสานงานกับกรมส่งเสริมการเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนงาน/โครงการรองรับเพื่อแก้ไขปัญหาผลไม้ทั้งระบบแล้ว โดยเน้นในเรื่องการกระจายผลผลิตผลไม้ภายในประเทศ การแปรรูป การผลักดันการส่งออกไปยังตลาดต่าง ๆ อการส่งเสริมการส่งออกผ่านการค้าชายแดนออ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการบริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความต้องการผลไม้มากจากการที่พื้นที่ปลูกผลไม้ที่สำคัญในมณฑกวางสีได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศหนาวจัด และการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในเดือนสิงหาคมนี้
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-