สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 10, 2023 14:02 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 3 - 9 เมษายน 2566

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว

1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2565/66 ดังนี้

1.1) ด้านการผลิต

(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุมค่าเช่าที่นา

(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน (ส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าวอินทรีย์) และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน

(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเสริมสร้างรายได้แก่เกษตรกร โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2566 โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต

(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)

(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มและพื้นแข็ง การปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมไทย การปรับปรุงพันธุ์ข้าวโภชนาการสูง และการปรับปรุงพันธุ์ข้าวเหนียว

(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)

1.2) ด้านการตลาด

(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการพัฒนาระบบตลาดภายในสำหรับสินค้าเกษตร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก

(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการปกป้องและแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้า

(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทย โครงการส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวอินทรีย์ไทย และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว พร้อมมาตรการคู่ขนาน และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้

2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ประกอบด้วย 3 โครงการ ได้แก่

(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2565/66 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เป้าหมายจำนวน 2.5 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท

(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2565/66โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 10,000 ล้านบาทคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี

(3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2565/66 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 - 31 มีนาคม 2566 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2566) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3

2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66

ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท

1.2 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,344 บาท ราคาลดลงจากตันละ 13,410 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.49

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,782 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 9,763 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.19

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 30,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,450 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,150 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.98

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 848 ดอลลาร์สหรัฐฯ (28,755 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 837 ดอลลาร์สหรัฐฯ (28,452 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.31 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 303 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 505 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17,124 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 490 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,656 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.06 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 468 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 511 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17,328 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 493 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,758 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.65 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 570 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.9092 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

จีน

ทางการจีนได้เปิดตัวแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้าระดับชาติสำหรับห่วงโซ่อุตสาหกรรมข้าวทั้งหมด เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแรกในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการแปลงเป็นดิจิทัลและการสร้างข้อมูลของภาคส่วนนี้

รายงานระบุว่า แพลตฟอร์มดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การสร้าง รวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล วิเคราะห์ และให้บริการข้อมูลอุตสาหกรรมข้าว เพื่อเปิดห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งหมดตั้งแต่การผลิต การจัดเก็บ การตลาด การค้า การบริโภค ตลอดจนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพิ่มการประยุกต์ใช้บิ๊กดาต้าในอุตสาหกรรมข้าวอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ตลอดจนการสร้างข้อมูลของอุตสาหกรรมข้าวของจีนอย่างจริงจัง Xu Chunchun รองผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีข้าว แห่งสถาบันวิจัยข้าวแห่งชาติจีน (deputy director of the science and technology information center of the CNRRI (The China National Rice Research Institute)) กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวและใช้งานแพลตฟอร์มแล้ว

รายงานดัชนีที่เกี่ยวข้องกับข้าวที่เชื่อถือได้จะถูกเผยแพร่เป็นประจำ เพื่อปรับปรุงระดับการบริการโดยรวม และความสามารถของอุตสาหกรรมโดยรวม นอกจากนี้ Xu ยังคาดหวังว่า ในอนาคตจะมีการยกระดับจากแพลตฟอร์มข้อมูลเป็นแพลตฟอร์มบริการ เพื่อสร้างระบบนิเวศดิจิทัลของข้าวที่มีความครอบคลุมการผลิตดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การแปลงความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแบบครบวงจร และการเชื่อมต่อเครือข่ายบริการอย่างเต็มรูปแบบ

รายงานระบุว่า เบื้องต้น แพลตฟอร์มบิ๊กดาต้าของอุตสาหกรรมข้าวจะมีโมเดลการวิเคราะห์ 5 แบบ ระบบ แอปพลิเคชันทางธุรกิจ 10 ระบบ พอร์ทัลที่ครอบคลุม 1 แห่ง และแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ 1 รายการ เพื่อให้บรรลุ การวิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์ของสถานการณ์ทางธุรกิจที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มดังกล่าวสามารถช่วยแนะนำการผลิตข้าวเพื่อป้องกันโรค แมลงศัตรูพืช และภัยธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์ทางสถิต

ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

อินเดีย

ภาวะราคาข้าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ในระดับทรงตัวหลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงติดต่อกัน 4 สัปดาห์ ท่ามกลางภาวะความต้องการข้าวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบแอฟริกาที่เริ่มมีกลับเข้ามา โดยราคาข้าวนึ่ง 5% อยู่ที่ระดับ 380-385 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ราคาทรงตัวเท่ากับระดับ 380-385 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในสัปดาห์ก่อนหน้า

สำนักข่าว Financial Express รายงานว่า การจัดหาข้าวเปลือกโดยหน่วยงานองค์การอาหารแห่งชาติ (Food Corporation of India; FCI) และหน่วยงานของรัฐบาล สำหรับฤดูกาลผลิต 2565/66 (ตุลาคม 2565 - กันยายน 2566) ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 จนถึงวันที่ 1 เมษายน 2566 ปรากฏว่ามียอดการจัดหาข้าวเปลือกได้แล้วประมาณ 73 ล้านตัน ซึ่งเทียบเท่ากับข้าวสารประมาณ 49 ล้านตัน แม้ว่าปริมาณจัดซื้อข้าวเปลือกทั้งหมดจนถึงขณะนี้จะต่ำกว่าปริมาณที่ซื้อได้ในปีที่ผ่านมาเล็กน้อย แต่ก็ช่วยเพิ่มปริมาณสต็อกข้าวขององค์การอาหารแห่งชาติ (FCI) ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยมากขึ้น

โดยองค์การอาหารแห่งชาติ (FCI) มีข้าวสารประมาณ 25.18 ล้านตัน และอีกประมาณ 19 ล้านตัน ที่จะรับเพิ่มมาจากโรงสี ซึ่งมากกว่าความต้องขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนด (buffer stock) ไว้ที่ 13.58 ล้านตันตัน (ระดับสต็อก ณ วันที่ 1 เมษายน 2566)

ทั้งนี้ องค์การอาหารแห่งชาติ มีภาระหน้าที่ในการจัดหาข้าวเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้รับผลประโยชน์กว่า 800 ล้านคน ภายใต้พระราชบัญญัติความมั่นคงด้านอาหารแห่งชาติ (National Food Security Act; NFSA) และโครงการสวัสดิการอื่นๆ ซึ่งข้าวที่จัดหาได้จากรัฐมีปริมาณธัญพืชส่วนเกินเพื่อใช้สำหรับการเก็บเป็นสต็อกของประเทศด้วย

จากรายงานการประมาณการล่วงหน้าครั้งที่ 2 ของกระทรวงเกษตร (agriculture ministry?s second advance estimate) การผลิตข้าวในปี 2566 คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 130.83 ตัน

ในปีเพาะปลูก 2565/66 (กรกฎาคม 2565-มิถุนายน 2566) เพิ่มขึ้นจากระดับ 129.47 ล้านตัน ในปีเพาะปลูก 2564/65 อย่างไรก็ตาม ทางด้านสถานการณ์ของสต็อกข้าวสาลีนั้น ปรากฏว่า ณ วันที่ 1 เมษายน 2566 สต็อกข้าวสาลี ขององค์การอาหารแห่งชาติ (FCI) มีปริมาณลดลงเหลือเพียง 8.5 ล้านตัน เมื่อเทียบกับความต้องขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนด (buffer stock) ที่ 7.4 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับสต็อกข้าวสาลีที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559

ทั้งนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะจัดซื้อข้าวสาลีประมาณ 34.15 ล้านตัน ในฤดูกาลนี้ (เมษายน-มิถุนายน 2566)ซึ่งการจัดซื้อได้ล่าช้าออกไปกว่าสองสัปดาห์ เนื่องจากฝนไม่ตกตามฤดูกาลในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาในรัฐที่มีการเพาะปลูกข้าวสาลีที่สำคัญ โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสจากกระทรวงเกษตร คาดว่าจะมีผลผลิตข้าวสาลีในรัฐที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญ ประมาณร้อยละ 10 ได้รับผลกระทบจากฝนตกและพายุลูกเห็บที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้

ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ