ปีนี้ ไม้ผลภาคใต้ 14 จว. รวม 8.5 แสนตัน ออกตลาดแล้ว ร้อยละ 72?ลองกอง? ออกตลาดมากสุด ก.ย. นี้
นายนิกร แสงเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 8 สุราษฎร์ธานี (สศท.8) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงผลสรุปข้อมูลเอกภาพไม้ผลภาคใต้ ปี 2566 (ข้อมูล ณ สิงหาคม 2566) โดย สศท.8 สศท.9 และสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 สงขลา (สสก.5) ร่วมกับคณะทำงานย่อยเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลและโลจิสติกส์ภาคใต้ สรุปตัวเลขเอกภาพปริมาณผลผลิตของไม้ผลภาคใต้ 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ในพื้นที่ 14 จังหวัด (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ระนอง ภูเก็ต ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส) คาดว่า ปีนี้ เนื้อที่ยืนต้น 1,139,056 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 2 เนื้อที่ให้ผล 948,949 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 2 ผลผลิตทั้งในฤดูและนอกฤดูรวม 848,921 ตัน (ในฤดู 768,688 ตัน นอกฤดู 80,233 ตัน) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 68 สำหรับภาพรวมเนื้อที่ยืนต้น เนื้อที่ให้ผล และผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกษตรกรโค่นยางพารา ปาล์มน้ำมัน มังคุด เงาะ และลองกอง เปลี่ยนมาปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศเอื้ออำนวย สภาพต้นสมบูรณ์ ทำให้การออกดอกดีกว่าปีที่ผ่านมา
หากพิจารณาภาพรวมไม้ผลทั้ง 4 ชนิด พบว่า เนื้อที่ยืนต้น ทุเรียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ส่งผลให้เกษตรกรปลูกเพิ่ม โดยมีการปลูกทุเรียนทดแทนยางพารา ปาล์มน้ำมัน และปลูกเพิ่มในพื้นที่ว่าง ขณะที่ลองกอง เงาะ และมังคุดลดลง เนื้อที่ให้ผล ทุเรียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ส่งผลให้เกษตรกรปลูกเพิ่มและโค่นต้นเงาะ มังคุด และลองกอง เพื่อปรับเปลี่ยนไปปลูกทุเรียนซึ่งให้ผลตอบแทนดีกว่า จึงส่งผลให้เนื้อที่ให้ผลลดลงทั้ง 3 ชนิด ผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นทุกชนิด เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยกว่าปีที่ผ่านมา
สำหรับผลผลิตไม้ผลภาคใต้ในพื้นที่ 14 จังหวัด ขณะนี้ออกผลผลิตรวม 4 ชนิด ทั้งในฤดูและนอกฤดูไปแล้ว (ม.ค. - ส.ค. 66) จำนวน 608,333 ต้น หรือร้อยละ 72 ของผลผลิตทั้งหมด โดยในเดือนกันยายนนี้ ผลผลิตลองกองออกสู่ตลาดมากที่สุด 16,245 ตัน หรือร้อยละ 47 ของผลผลิตทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตในฤดู และทุเรียน มังคุด เงาะ จะออกสู่ตลาดเดือนกันยายนนี้ ร้อยละ 15 , ร้อยละ 21 , ร้อยละ 19 ตามลำดับ ทั้งนี้ ผลผลิตของไม้ผลทั้ง 4 ชนิด จะออกสู่ตลาดต่อเนื่องถึงเดือนธันวาคม 2566
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ไม้ผลทั้ง 4 ชนิดจะมีผลผลิตมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย สภาพต้นสมบูรณ์ ทำให้การออกดอกดีกว่าปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ต้องจับตามองในระยะต่อไป คือต้องเตรียมการรับมือกับปรากฏการณ์เอลนีโญ เนื่องจากประเทศไทยเริ่มมีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับปรากฏการณ์เอลนีโญ ตั้งแต่ปลายปี 2566 และจะเข้าสู่ปรากฏการณ์นี้อย่างสมบูรณ์ในปี 2567 - 2568 โดยจะส่งผลให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับอุณหภูมิและคลื่นความร้อนที่สูงขึ้น ฝนทิ้งช่วง ปริมาณน้ำฝนที่ตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติและในเขื่อนลดลง ซึ่งนำไปสู่ภาวะภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำ โดยเกษตรควรมีการวางแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่สวนหรือฟาร์มของตนเองให้เพียงพอและเหมาะสมกับพืชที่ปลูกด้วย เพื่อให้ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญน้อยที่สุด เช่น การใช้น้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การหาแหล่งน้ำสำรอง การขุดบ่อขุดสระ นอกเหนือจากติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดและการรับสนับสนุนช่วยเหลือจากทางภาครัฐ ท่านที่สนใจข้อมูลไม้ผลภาคใต้สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.8 โทร.0 7731 1597 หรืออีเมล zone8@oae.go.th
*********************************************
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 8 สุราษฎร์ธานี
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร