สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 22 - 28 มกราคม 2567
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1) ข้าวนาปี ปี 2566/67 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 61.928 ล้านไร่ ผลผลิต 25.569 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 413 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2565/66 ร้อยละ 1.45 ร้อยละ 4.28 และร้อยละ 2.82 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้เกษตรกรในบางพื้นที่ปล่อยที่นาให้ว่าง และบางพื้นที่ปลูกข้าวนาปีได้เพียงรอบเดียว สำหรับผลผลิตต่อไร่ลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนน้อย ส่งผลต่อการงอกของต้นกล้า และการสร้างรวงของต้นข้าวที่เติบโตได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับบางพื้นที่พบโรคและแมลงศัตรูพืชระบาด เช่น โรคไหม้คอรวง เพลี้ยไฟ เป็นต้น ส่งผลให้ในภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศลดลง
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 - พฤษภาคม 2567 โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 - มกราคม 2567 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 25.350 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.14 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
2) ข้าวนาปรัง ปี 2567 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 9.877 ล้านไร่ ผลผลิต 6.351 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 643 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 11.01 ร้อยละ 11.78 และร้อยละ 0.92 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติน้อยกว่าปี 2566 ส่งผลให้น้ำต้นทุนไม่เพียงพอ เกษตรกรบางพื้นที่จึงปล่อยที่นาให้ว่าง สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว
คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2567 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากที่สุดช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2567 ปริมาณรวม 4.260 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 67.08 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด
มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2566/67 มติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จำนวน 4 โครงการ ดังนี้
1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566) โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เป้าหมายจำนวน 3 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 12,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 10,500 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 9,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 10,000 บาท โดยเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566/67(มติ ครม.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566) โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป เป้าหมาย 1 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.85 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3.85 ต่อปี
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566) โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
4) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 (มติ ครม.วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 - 31 มีนาคม 2567 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2567) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 4
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,054 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,990 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.46
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,306 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,186 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.07
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 31,850 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 21,950 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 21,750 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.92
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 881 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,221 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 880 ดอลลาร์สหรัฐฯ (30,874 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.11 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 347 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 669 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,708 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตัน 668 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,436 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.15 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 272 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 648 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,964 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 647 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,699 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.15 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 265 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 35.4377 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
สำนักงานสถิติของอินโดนีเซีย รายงานว่า รัฐบาลวางแผนที่จะนำเข้าข้าวสารจำนวน 2 ล้านตัน ในช่วงปลายเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 ก่อนถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนมีนาคม 2567 เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ และเพื่อสร้างความมั่นใจว่าปริมาณข้าวภายในประเทศจะมีเพียงพอสำหรับการบริโภคในช่วงถือศีลอดหรือรอมฎอน (เดือนมีนาคม) และเทศกาลอีดิลฟิตรี (เดือนเมษายน) โดยนำเข้าข้าวจากประเทศเวียดนาม ไทย และจีน รวมทั้งรัฐบาลยังต้องดำเนินการนำเข้าข้าว จำนวน 5 แสนตัน ตามโควตาที่คงค้างจากปีที่ผ่านมาด้วย
ที่มา xinhuathai
ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย เป็นประธานลงนามสัญญาการซื้อขายข้าวหอมมะลิไทยล่วงหน้า ณ โรงแรม Niccolo มณฑลเสฉวน เมืองเฉิงตู ประเทศจีน ระหว่างบริษัท SHENZHEN ZHONGCHENG FOOD IMPORT AND EXPORT ประเทศจีน กับบริษัทธนสรรไรซ์ จำกัด และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จากประเทศไทย จำนวน 100,000 ตัน เป็นเงิน 52.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งการซื้อขายข้าวครั้งนี้เป็นการซื้อผ่านบริษัทธนสรรไรซ์ จำกัด จำนวน 90,000 ตัน และผ่าน อ.ต.ก. จำนวน 10,000 ตันโดยมีบริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด ในเครือ ปตท. เป็นผู้สนับสนุนการขนส่งสินค้าผ่านระบบรางจากไทย สู่ประเทศจีน โดยกลุ่มลูกค้าของจีนที่บริโภคข้าวหอมมะลิไทยส่วนใหญ่อยู่ในมณฑลเสฉวน เมืองเฉิงตู
ที่มา www.thaigov.go.th
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร