สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ชี้มันสำปะหลังสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ทั้งใบ ลำต้น และราก แนะหากมีการจัดการที่ดีสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรโดยไม่กระทบต่อผลผลิตหัวมันสด
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ปัจจุบันนับเป็นโอกาสอันดีของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง เนื่องจากสามารถนำมันสำปะหลังไปใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ทั้งใบ ลำต้นและราก หากมีการจัดการที่ดี เกษตรกรสามารถเพิ่มรายได้นอกเหนือจากการขายหัวมันมากกว่า 2,000 บาทต่อไร่ ซึ่งสามารถขายลำต้นใช้เป็นท่อนพันธุ์ได้ 2,000 — 3,000 บาทต่อไร่ รวมถึงขายใบเพื่อเป็นอาหารสัตว์ได้อีกประมาณ 400 — 500 บาทต่อไร่
จากการสอบถามผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พบว่า ลานมันมีการรับซื้อใบมันสดและใบมันแห้งจากเกษตรกร โดยราคารับซื้อใบสดตันละ 700 บาท และใบมันแห้งตันละ 4,000 บาท ซึ่งใบมันตากแห้งมีโปรตีน 18 — 22 % ส่วนใบมันสดมีโปรตีน 6 % และยังเป็นแหล่งให้สารสีหรือสารแซนโทฟิลล์ แม้ว่าใบมันจะมีระดับไซยาไนด์อยู่สูง แต่การตากแดดจะช่วยลดปริมาณไซยาไนด์ได้จนอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้ยังมีการแปรสภาพใบมันสดโดยหมักร่วมกับกากแป้งเป็นเวลา 15 วัน สามารถลดไซยาไนด์ได้เกินกว่าร้อยละ 90 สามารถใช้เลี้ยงสัตว์ทั้งสุกรและโคนมได้ดี ทำให้เป็นที่ต้องการของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมาก
เลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ราคาหัวมันสดอยู่ในระดับสูง ทำให้เกษตรกรหลายรายไม่สนใจการเก็บใบมันจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งเกษตรกรสามารถเก็บใบมันได้เมื่อต้นมันมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยทยอยเก็บครั้งละ 10 — 15 ใบต่อต้น และเก็บเกี่ยวอีกครั้งในช่วงเก็บเกี่ยวหัวมัน การเก็บเกี่ยวใบมัน เก็บทั้งใบและก้าน และส่วนยอดของลำต้นความยาวประมาณ 20 — 50 ซม. ใช้แรงงานและเวลาในการเก็บไม่มากนัก ได้ผลผลิตใบสดประมาณ 700 กิโลกรัมต่อไร่ ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นมัน ประกอบกับระยะนี้เกิดการขาดแคลนท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง หากเกษตรกรจัดช่วงเวลาเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม ก็จะสามารถจำหน่ายได้ทั้งใบและลำต้น เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรโดยไม่กระทบต่อผลผลิตหัวมันสด
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ปัจจุบันนับเป็นโอกาสอันดีของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง เนื่องจากสามารถนำมันสำปะหลังไปใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ทั้งใบ ลำต้นและราก หากมีการจัดการที่ดี เกษตรกรสามารถเพิ่มรายได้นอกเหนือจากการขายหัวมันมากกว่า 2,000 บาทต่อไร่ ซึ่งสามารถขายลำต้นใช้เป็นท่อนพันธุ์ได้ 2,000 — 3,000 บาทต่อไร่ รวมถึงขายใบเพื่อเป็นอาหารสัตว์ได้อีกประมาณ 400 — 500 บาทต่อไร่
จากการสอบถามผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พบว่า ลานมันมีการรับซื้อใบมันสดและใบมันแห้งจากเกษตรกร โดยราคารับซื้อใบสดตันละ 700 บาท และใบมันแห้งตันละ 4,000 บาท ซึ่งใบมันตากแห้งมีโปรตีน 18 — 22 % ส่วนใบมันสดมีโปรตีน 6 % และยังเป็นแหล่งให้สารสีหรือสารแซนโทฟิลล์ แม้ว่าใบมันจะมีระดับไซยาไนด์อยู่สูง แต่การตากแดดจะช่วยลดปริมาณไซยาไนด์ได้จนอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้ยังมีการแปรสภาพใบมันสดโดยหมักร่วมกับกากแป้งเป็นเวลา 15 วัน สามารถลดไซยาไนด์ได้เกินกว่าร้อยละ 90 สามารถใช้เลี้ยงสัตว์ทั้งสุกรและโคนมได้ดี ทำให้เป็นที่ต้องการของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมาก
เลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ราคาหัวมันสดอยู่ในระดับสูง ทำให้เกษตรกรหลายรายไม่สนใจการเก็บใบมันจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งเกษตรกรสามารถเก็บใบมันได้เมื่อต้นมันมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยทยอยเก็บครั้งละ 10 — 15 ใบต่อต้น และเก็บเกี่ยวอีกครั้งในช่วงเก็บเกี่ยวหัวมัน การเก็บเกี่ยวใบมัน เก็บทั้งใบและก้าน และส่วนยอดของลำต้นความยาวประมาณ 20 — 50 ซม. ใช้แรงงานและเวลาในการเก็บไม่มากนัก ได้ผลผลิตใบสดประมาณ 700 กิโลกรัมต่อไร่ ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นมัน ประกอบกับระยะนี้เกิดการขาดแคลนท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง หากเกษตรกรจัดช่วงเวลาเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม ก็จะสามารถจำหน่ายได้ทั้งใบและลำต้น เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรโดยไม่กระทบต่อผลผลิตหัวมันสด
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-