สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 5 - 11 สิงหาคม 2567
- เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ให้ความเห็นว่า สอน.คาดการณ์แนวโน้มปริมาณอ้อยเข้าหีบในปีการผลิต 2567/68 จะมากกว่าปีการผลิต 2566/67 โดยปริมาณอ้อยเข้าหีบอาจอยู่ที่ประมาณ 92 ล้านตัน เนื่องจากจากราคาอ้อยที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับในปีการผลิต 2566/67 อยู่ที่ 1,420 บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ส่งผลให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยบางส่วนดำเนินการรื้อถอนอ้อยตอแล้วปลูกอ้อยใหม่ในพื้นที่เดิม
ทั้งนี้ แม้พื้นที่เพาะปลูกไม่เพิ่มขึ้น แต่คาดว่าผลผลิตต่อไร่จะเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงอาจมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูกพืชอื่น เช่น มันสำปะหลัง มาปลูกอ้อย ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณพื้นที่ปลูกอ้อยในภาพรวมของทั้งประเทศเพิ่มขึ้น ด้านผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายได้คาดการณ์ผลผลิตอ้อยในฤดูการผลิตปี 2567/68 ที่ระดับ 95 ล้านตัน เนื่องจากปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น และราคาอ้อยที่เพิ่มขึ้นในปี 2566/67 เป็นแรงจูงใจสำคัญให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนมาปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น (ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย, มติชนออนไลน์)
- กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดีย (IMD) กล่าวว่า ปริมาณฝนของประเทศอินเดียในช่วงเดือนสิงหาคม ? กันยายน 2567 น่าจะสูงกว่าปกติ เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญา (La Nina) แต่พื้นที่เพาะปลูกอ้อยทางตะวันตกของรัฐมหาราษฏระ (Maharashtra) และรัฐคุชราต (Gujarat) อาจมีฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเดือนสิงหาคม ขณะเดียวกันแหล่งข่าวท้องถิ่น รายงานว่า ราคาน้ำตาลทางตะวันตกของรัฐมหาราษฏระ และรัฐโกลฮาเปอร์ (Kolhapur) เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนรถบรรทุกน้ำตาล และสถานการณ์มีแนวโน้มแย่ลงจากปัญหาฝนตกหนักที่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งทางถนน (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)
- กระทรวงพาณิชย์ประเทศจีน รายงานว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 จีนนำเข้าน้ำตาลทรายดิบนอกโควตาประมาณ 59,000 ตัน ลดลง 62,000 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้านนักวิเคราะห์ กล่าวว่า ในเดือนกรกฎาคม 2567 การนำเข้าน้ำตาลนอกโควตาของจีนอยู่ที่ประมาณ 198,000 ตัน และคาดว่าในเดือนสิงหาคม 2567 จะมีการนำเข้าที่ประมาณ 155,000 ตัน ซึ่งน้อยกว่าปริมาณปกติ โดยเสริมว่า ในขณะนี้คาดว่าการนำเข้าน้ำตาลภายในโควตาของจีนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 60 (ที่มา: บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด)
ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร