สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 26, 2024 13:54 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 19 - 25 สิงหาคม 2567

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 การผลิต

1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.123 ล้านไร่ ผลผลิต 27.035 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.215 ล้านไร่ ผลผลิต 26.833 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.15 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.76 และร้อยละ 0.93 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกรมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ ณ เดือนพฤษภาคม 2567 ว่าปรากฎการณ์เอลนีโญเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะเป็นกลางในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2567 หลังจากนั้นมีความน่าจะเป็นร้อยละ 49 ที่จะเข้าสู่สภาวะลานีญาในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2567 ส่งผลให้คาดว่าจะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และจะไม่กระทบแล้งและประสบอุทกภัยเหมือนปีที่แล้ว ประกอบกับเกษตรกรมีการดูแลรักษาผลผลิตดีขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น

คาดการณ์ผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยคาดว่าผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2567 ปริมาณ 17.668 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 65.34 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด ทั้งนี้ เดือนสิงหาคม 2567 คาดว่ามีผลผลิตออกสู่ตลาดปริมาณ 1.911 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 7.07 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด 2) ข้าวนาปรัง ปี 2567 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 9.671 ล้านไร่ ผลผลิต 6.217 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 643 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.606 ล้านไร่ ผลผลิต 6.918 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 652 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ลดลงจาก ปี 2566 ร้อยละ 8.81 ร้อยละ 10.14 และร้อยละ 1.38 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าลดลง เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเข้าสู่ภาวะเอลนีโญตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 ถึง เมษายน 2567 ทำให้ฝนมาล่าช้า ฝนทิ้งช่วง ปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าปีที่แล้ว ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติน้อยกว่าปีที่แล้ว โดยน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้การได้ทั่วทั้งประเทศปี 2566 ลดลงจากปี 2565 ประมาณร้อยละ 8.40 และน้ำต้นทุนไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกในช่วงฤดูนาปรัง ประกอบกับทางภาครัฐขอความร่วมมือให้ลดการเพาะปลูกข้าวนาปรัง นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตยังคงอยู่ในเกณฑ์สูง อาทิ ปุ๋ยเคมี น้ำมันเชื้อเพลิง เกษตรกรบางรายจึงปล่อยพื้นที่ว่างหรือปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน ส่วนผลผลิตต่อไร่คาดว่าลดลง เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง ปริมาณน้ำไม่เพียงพอ และในบางพื้นที่ประสบปัญหาโรคขอบใบแห้ง ทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตไม่ดี เมล็ดข้าวไม่สมบูรณ์ คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2567 โดยเดือนสิงหาคม 2567 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.016 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นร้อยละ 0.25 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด และคาดว่าเหลือผลผลิตในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม 2567 อีก 0.020 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 0.33 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด

1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,231 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 15,189 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.28

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 10,778 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 10,715 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.59

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 35,070 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 34,450 ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.80

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 18,750 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 988 ดอลลาร์สหรัฐฯ (33,671 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 969 ดอลลาร์สหรัฐฯ (33,729 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.96 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 58 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 589 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,073 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 586 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,397 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.51 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 324 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 592 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,176 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 589 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,502 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.51 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 326 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 34.0803 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

2.1 สถานการณ์ข้าวโลก

1) การผลิต

ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2567/68 ณ เดือนสิงหาคม 2567 ผลผลิต 527.709 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 520.419 ล้านตันข้าวสาร ในปี 2566/67 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.40

2) การค้าข้าวโลก

บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2567/68 ณ เดือนสิงหาคม 2567 มีปริมาณผลผลิต 527.709 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2566/67 ร้อยละ 1.40 การใช้ในประเทศ 526.963 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2566/67 ร้อยละ 0.67 การส่งออก/นำเข้า 54.139 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2566/67 ร้อยละ 1.99 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 177.434 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2566/67 ร้อยละ 0.42

  • ประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ อินเดีย กัมพูชา บราซิล อุรุกวัย ปารากวัย อาร์เจนตินา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ ไทย เวียดนาม ปากีสถาน เมียนมา กายานา และตุรกี
  • ประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เวียดนาม ซาอุดิอาระเบีย ไอเวอรี่โคสต์ เซเนกัล แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เม็กซิโก สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น โซมาเลีย และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าลดลง ได้แก่ อิรัก จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล เคนยา โมซัมบิก กานา และคาเมรูน
  • ประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ จีน ไทย บังกลาเทศ และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ อินโดนีเซีย และไนจีเรีย

2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

1) ฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก ซึ่งมีการบริโภคเฉลี่ยมากถึง 16 ล้านตันต่อปีแม้จะมีการเพาะปลูกเพื่อการบริโภคภายในประเทศ แต่ก็ไม่สามารถผลิตข้าวได้เพียงพอต่อความต้องการ โดยสามารถผลิตได้เพียงประมาณ 12 ล้านตันต่อปี จึงจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวประมาณ 3 ล้านตันต่อปี ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ยังเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่สุดในเอเชียด้านความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของประเทศที่มีความท้าทายหลายประการในการผลิตข้าวให้เพียงพอกับความต้องการ และการขยายตัวของจำนวนประชากร ที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในแต่ละปี

นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และพายุไต้ฝุ่น ที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตรทุกปี รวมทั้งการขาดแคลนเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ทันสมัยและการเปลี่ยนแปลงของแรงงานในภาคเกษตร ประกอบกับมีความกังวลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าวในประเทศ ในการนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์จึงจำเป็นต้อง เร่งหามาตรการต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีอุปทานและสต็อกข้าวที่เพียงพอในการรับมือกับสถานการณ์ความเสี่ยงต่างๆ และคาดการณ์ว่า ในปี 2567 ฟิลิปปินส์จะต้องนำเข้าข้าวมากถึง 4.1 ล้านตัน

ปัจจุบันฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวอันดับ 1 ของโลก และเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทย โดยในปี 2566 ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวปริมาณ 3.61 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 6.65 จากปี 2565 ที่นำเข้าปริมาณ 3.87 ล้านตัน ซึ่งได้นำเข้าจากเวียดนามมากเป็นอันดับ 1 ที่ปริมาณ 2.97 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 82.23 รองลงมา ได้แก่ ไทย ปริมาณ 3.42 แสนตัน คิดเป็นร้อยละ 9.46 และเมียนมา ปริมาณ 1.56 แสนตัน คิดเป็นร้อยละ 4.33 ตามลำดับ ที่มา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

2) ไนจีเรีย

กรมศุลกากรไนจีเรียประกาศใช้มาตรการยกเว้นอากรศุลกากร (อัตราภาษีร้อยละศูนย์) และการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการนำเข้าอาหารจำเป็น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 เพื่อช่วยลดต้นทุนอาหารในไนจีเรียทำให้สินค้าอาหารจำเป็นมีราคาถูกลง โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลกลางได้อนุมัติช่วงเวลาปลอดอากรศุลกากร 150 วัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าข้าวโพด ข้าวกล้อง และข้าวสาลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อด้านอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจและเพิ่มความมั่นคงด้านอาหาร

ทั้งนี้ ได้ระบุเกณฑ์คุณสมบัติสำหรับบริษัทที่ต้องการเข้าร่วมนโยบายภาษีนำเข้าเป็นศูนย์ โดยทางบริษัทจะต้องจดทะเบียนในไนจีเรียและดำเนินกิจการมาอย่างน้อย 5 ปี ยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปีและงบการเงินอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งชำระภาษีและภาระผูกพันด้านภาษีหักจากค่าจ้างเงินเดือนตามกฎหมายทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว

ในการนี้ กระทรวงการคลังของรัฐบาลกลางจะจัดส่งรายชื่อผู้นำเข้าที่ได้รับอนุมัติและโควตาให้กับกรมศุลกากรเป็นระยะๆ เพื่อให้การนำเข้าสินค้าอาหารจำเป็นเหล่านี้เป็นไปอย่างราบรื่นภายใต้กรอบนโยบายฯ นอกจากนี้ นโยบายดังกล่าวยังกำหนดให้สินค้าที่นำเข้าอย่างน้อยร้อยละ 75 ต้องจำหน่ายผ่านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ได้รับการยอมรับ โดยต้องมีการบันทึกธุรกรรมและการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งทางบริษัทจะต้องรักษาบันทึกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ครบถ้วน ซึ่งรัฐบาลอาจขอให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติ หากไม่ปฏิบัติตามภาระผูกพันภายใต้หลักเกณฑ์ฯ บริษัทจะไม่ได้รับการยกเว้นทั้งหมดและต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าธรรมเนียม และอากรนำเข้าที่เกี่ยวข้องสำหรับรายการสินค้าอาหารจำเป็น 6 ประเภทที่เข้าเงื่อนไขอัตราภาษีร้อยละศูนย์ ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวฟ่าง ข้าวฟ่างเมล็ด ข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่ว

ที่มา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


แท็ก ข้อมูล  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ