สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย ราคาสิ้นจี่ที่เกษตรกรขายได้ ทะลัก 16 -18 บาท/กก. พุ่งสูงกว่าปีก่อนเป็นเท่าตัว เหตุ ผลผลิตน้อยลง เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน ด้านการส่งออกไปได้สวย สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 250 ล้านบาท
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาลิ้นจี่ปีนี้ว่า มีราคาสูงกว่าปีก่อนเกือบเท่าตัว โดยเฉพาะภาคเหนือที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว ซึ่งแม้จะออกเร็วกว่าปกติเป็นสัปดาห์ แต่ปริมาณผลผลิตมีน้อยลงกว่าปีก่อน จึงทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
จากการติดตามสถานการณ์การผลิตลิ้นจี่ ปี 2551 นั้น คาดว่า จะมีผลผลิตลิ้นจี่ทั้งประเทศประมาณ 56,000 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 11 เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เกิดพายุลูกเห็บในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ เช่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จึงส่งผลให้ลิ้นจี่ปีนี้ติดผลน้อย และผลผลิตบางส่วนได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อน และคาดว่าผลผลิตลิ้นจี่ในภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดพะเยา เชียงราย เชียงใหม่ และน่าน จะลดลงจากปีก่อนประมาณร้อยละ 12 และจะออกสู่ตลาดเร็วกว่าปกติประมาณ 5 - 10 วัน
โดยนางนารีณัฐ รุณภัย ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร รายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของราคาลิ้นจี่ที่เกษตรกรขายได้เกรดคละ ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2551 กิโลกรัมละ 16 — 18 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากิโลกรัมละ 9.54 บาท หรือร้อยละ 88 จึงไม่น่าจะมีปัญหาด้านราคาผลผลิตตกต่ำในปีนี้ ประกอบกับปัจจุบันผู้ส่งออกมีการพัฒนาวิธีการขนส่ง ตลอดจนวิธีการเก็บรักษาคุณภาพผลผลิตลิ้นจี่ให้ยาวนานขึ้น จึงส่งผลให้สามารถส่งออกไปตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกลิ้นจี่สดประมาณปีละ 10,000 — 12,000 ตัน สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 250 ล้านบาท
สำหรับผลผลิตลำไย ปี 2551 ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดในแหล่งผลิตภาคเหนือ 8 จังหวัด กำลังดำเนินการสำรวจข้อมูลปริมาณผลผลิตจากเกษตรกร จึงขอความร่วมมือจากชาวสวนลำไยให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้เตรียมการรับมือผลผลิตลำไยที่จะออกสู่ตลาดต่อไป
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาลิ้นจี่ปีนี้ว่า มีราคาสูงกว่าปีก่อนเกือบเท่าตัว โดยเฉพาะภาคเหนือที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว ซึ่งแม้จะออกเร็วกว่าปกติเป็นสัปดาห์ แต่ปริมาณผลผลิตมีน้อยลงกว่าปีก่อน จึงทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
จากการติดตามสถานการณ์การผลิตลิ้นจี่ ปี 2551 นั้น คาดว่า จะมีผลผลิตลิ้นจี่ทั้งประเทศประมาณ 56,000 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 11 เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เกิดพายุลูกเห็บในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ เช่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จึงส่งผลให้ลิ้นจี่ปีนี้ติดผลน้อย และผลผลิตบางส่วนได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อน และคาดว่าผลผลิตลิ้นจี่ในภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดพะเยา เชียงราย เชียงใหม่ และน่าน จะลดลงจากปีก่อนประมาณร้อยละ 12 และจะออกสู่ตลาดเร็วกว่าปกติประมาณ 5 - 10 วัน
โดยนางนารีณัฐ รุณภัย ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร รายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของราคาลิ้นจี่ที่เกษตรกรขายได้เกรดคละ ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2551 กิโลกรัมละ 16 — 18 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมากิโลกรัมละ 9.54 บาท หรือร้อยละ 88 จึงไม่น่าจะมีปัญหาด้านราคาผลผลิตตกต่ำในปีนี้ ประกอบกับปัจจุบันผู้ส่งออกมีการพัฒนาวิธีการขนส่ง ตลอดจนวิธีการเก็บรักษาคุณภาพผลผลิตลิ้นจี่ให้ยาวนานขึ้น จึงส่งผลให้สามารถส่งออกไปตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกลิ้นจี่สดประมาณปีละ 10,000 — 12,000 ตัน สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 250 ล้านบาท
สำหรับผลผลิตลำไย ปี 2551 ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดในแหล่งผลิตภาคเหนือ 8 จังหวัด กำลังดำเนินการสำรวจข้อมูลปริมาณผลผลิตจากเกษตรกร จึงขอความร่วมมือจากชาวสวนลำไยให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้เตรียมการรับมือผลผลิตลำไยที่จะออกสู่ตลาดต่อไป
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-