สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 27, 2025 11:05 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 20 - 26 มกราคม 2568

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 การผลิต

1) ข้าวนาปี ปี 2567/68 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.020 ล้านไร่ ผลผลิต 27.007 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 435 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2566/67 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 62.098 ล้านไร่ ผลผลิต 26.934 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 431 กิโลกรัม เนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 0.13 ในขณะที่ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.27 และร้อยละ 0.23 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกรมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อ้อยโรงงาน หรือมันสำปะหลัง สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำฝนภายหลังจากที่เพาะปลูกแล้วเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว ประกอบกับราคาที่เกษตรกรขายได้ยังจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา ถึงแม้ว่าในบางจังหวัดประสบอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานทำให้ผลผลิตเสียหาย และบางพื้นที่มีการระบาดของแมลงหวี่ขาว แต่พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว และไม่พบการระบาดของโรคและแมลง ส่งผลให้ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศเพิ่มขึ้น

คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 - พฤษภาคม 2568 โดยเดือนมกราคม 2568 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 0.417 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 1.54 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม - มกราคม 2568 มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 26.746 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นร้อยละ 99.04 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด คงเหลือผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 0.261 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 0.96 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด

2) ข้าวนาปรัง ปี 2568 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 มีเนื้อที่เพาะปลูก 12.005 ล้านไร่ ผลผลิต 7.864 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 655 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 10.125 ล้านไร่ ผลผลิต 6.560 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม ทั้งเนื้อที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ร้อยละ 18.57 ร้อยละ 19.88 และร้อยละ 1.08 ตามลำดับ โดยเนื้อที่เพาะปลูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 และคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2568 จะทำให้ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ รวมถึงน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเมื่อต้นฤดูกาลเพาะปลูกมีปริมาณมากกว่าปีที่แล้ว จูงใจให้เกษตรบางส่วนขยายเนื้อที่เพาะปลูกในที่นาที่เคยปล่อยว่าง เพื่อปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากน้ำท่วม สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว

ทั้งนี้ เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2568 โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2568 ปริมาณรวม 5.33 ล้านตันข้าวเปลือก หรือร้อยละ 67.73 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด

1.2 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,084 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,999 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,090 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,245 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 35,150 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,450 บาท ราคาลดลงจากตันละ 15,130 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.49

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 967 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,699 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 944 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,480 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.44 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 219 บาท

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 469 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,859 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 472 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,240 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.64 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 381 บาท

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 495 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,738 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 293 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

1) ฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์เตรียมออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวภายในประเทศที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้จะมีการลดภาษีนำเข้าข้าวจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 15 ในปี 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จนถึงปี 2571 และมีปริมาณข้าวเพียงพอต่อความต้องการบริโภคของประชาชน ประกอบกับราคาข้าวในตลาดโลกได้ปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ราคาขายปลีกในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์สูง เกินกรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ร้อยละ 2 ? 4 ทั้งในปี 2565 และปี 2566

ในการนี้ นาย Ferdinand Marcos Jr. ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ได้สั่งการให้ควบคุมราคาข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชาชน พร้อมทั้งจัดสรรเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ค้าข้าวรายย่อยและเจ้าของร้านค้าขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานราคาแห่งชาติ ได้เสนอให้องค์การอาหารแห่งชาติ (National Food Administration; NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการข้าวของประเทศ เริ่มทยอยปล่อยข้าวจากคลังสำรอง โดยคาดว่า NFA จะระบายข้าวออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ประมาณ 300,000 ตัน ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์

2) อินโดนีเซีย

สำนักงานสถิติกลางแห่งอินโดนีเซีย (Central Statistics Agency; BPS) รายงานการนำเข้าข้าวในปี 2567 ว่า มีประมาณ 4.52 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 3.06 ล้านตัน ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.62 ซึ่งนำเข้าจาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม เมียนมาร์ ปากีสถาน และอินเดีย โดยส่วนใหญ่นำเข้ามาจากไทยในปริมาณ 1.36 ล้านตัน มูลค่า 862 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (29,148 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30.19 รองลงมา ได้แก่ เวียดนามปริมาณ 1.25 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.62 เมียนมาปริมาณ 0.83 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.40 ปากีสถานปริมาณ 0.80 ล้านตัน และอินเดียปริมาณ 0.25 ล้านตัน นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังนำเข้าข้าวจากประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 0.03 ล้านตัน

ทั้งนี้ จากข้อมูลของ BPS ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า การนำเข้าข้าวในปี 2567 มีปริมาณสูงที่สุด ที่ 4.52 ล้านตัน โดยในปี 2563 มีการนำเข้าข้าวประมาณ 0.36 ล้านตัน ปี 2564 มีประมาณ 0.41 ล้านตัน ปี 2565 มีประมาณ 0.43 ล้านตัน และในปี 2566 การนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นปริมาณ 3.06 ล้านตัน

ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.8147 บาท

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


แท็ก ข้อมูล  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ