สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ประมาณการผลผลิตข้าวนาปรังปี 51 ทั้งประเทศ พบเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 29 % เพราะที่ผ่านมาราคาดีมาก ทำให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกตลอดเวลา เผยมีแนวโน้มสูงขึ้น ประกอบกับรัฐบาลประกาศรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ส่งผลให้สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง พร้อมเตือนระวังเรื่องความชื้นในข้าว
นายมณฑล เจียมเจริญ รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า สศก.ได้ประมาณการการผลผลิตข้าวนาปรัง ปี 2551 ทั้งประเทศ มีเนื้อที่ 12.80 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 27 % มีผลผลิต 8.79 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 29 % เนื่องจากเกษตรกรเห็นว่าราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จึงตัดสินใจขยายพื้นที่เพาะปลูกตลอดเวลา มีปริมาณน้ำต้นทุนเพียงพอจากการที่กรมชลประทานปล่อยน้ำช่วยเหลือเต็มที่ มีการเตรียมดินอย่างรวดเร็วไม่ปล่อยให้ที่นาว่าง รวมทั้งมีการเพาะปลูกนาปรังรอบสองมากขึ้น
อย่างไรก็ตามช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน เป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวมากที่สุด คือ 46 % ของผลผลิตทั้งหมด ทำให้ราคาลดลงบ้าง ประกอบกับเกษตรกรเก็บเกี่ยวในขณะที่ผลผลิตมีความชื้นสูง ผู้ซื้อจึงตัดราคา กล่าวคือราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ที่ไร่นา ในเดือนกุมภาพันธ์ ราคาข้าวเจ้านาปรังตันละ 8,075 บาท เดือนมีนาคม ราคาข้าวเจ้านาปรังตันละ 9,497 บาท เดือนเมษายน ราคาข้าวเจ้านาปรังตันละ 12,936 บาท ข้าวเหนียวนาปรังตันละ 9,843 บาท ส่วนเดือนพฤษภาคม ราคาข้าวเจ้านาปรังตันละ 12,366 บาท ข้าวเหนียวนาปรังตันละ 8,115 บาท ตามลำดับ
สำหรับปัจจุบันเดือนมิถุนายน ราคาข้าวเจ้านาปรังตันละ 12,726 บาท ข้าวเหนียวนาปรังตันละ 7,421 บาท จะเห็นว่าราคาข้าวเจ้านาปรังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางสัปดาห์ราคาจะลดลงไปบ้าง ส่วนข้าวเหนียวนาปรังมีปัญหาเรื่องความชื้นและอยู่ในช่วงผลผลิตออกมามากตามฤดูกาล ทำให้ราคาลดต่ำลงบ้าง ต่อไปในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2551 จะมีผลผลิตออกมาประมาณ 2.37 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งเป็นปลายฤดูกาลแล้ว สำหรับภาคใต้ผลผลิต จะออกมาในช่วง เดือนสิงหาคม - ตุลาคม 2551 ซึ่งมีไม่มากนัก
นายมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้รัฐบาลได้มีนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการรับจำนำจากเกษตรกรโดยตรง ในราคาข้าวเจ้านาปรัง ตันละ 14,000 บาท ข้าวเหนียวนาปรัง ตันละ 9,000 บาท ที่ความชื้นไม่เกิน 15 % ซึ่งจะมีผลให้ราคาข้าวเปลือกนาปรังมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีก จึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพียงแต่ให้ระวังเรื่องความชื้นเท่านั้น
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายมณฑล เจียมเจริญ รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า สศก.ได้ประมาณการการผลผลิตข้าวนาปรัง ปี 2551 ทั้งประเทศ มีเนื้อที่ 12.80 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 27 % มีผลผลิต 8.79 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 29 % เนื่องจากเกษตรกรเห็นว่าราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จึงตัดสินใจขยายพื้นที่เพาะปลูกตลอดเวลา มีปริมาณน้ำต้นทุนเพียงพอจากการที่กรมชลประทานปล่อยน้ำช่วยเหลือเต็มที่ มีการเตรียมดินอย่างรวดเร็วไม่ปล่อยให้ที่นาว่าง รวมทั้งมีการเพาะปลูกนาปรังรอบสองมากขึ้น
อย่างไรก็ตามช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน เป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวมากที่สุด คือ 46 % ของผลผลิตทั้งหมด ทำให้ราคาลดลงบ้าง ประกอบกับเกษตรกรเก็บเกี่ยวในขณะที่ผลผลิตมีความชื้นสูง ผู้ซื้อจึงตัดราคา กล่าวคือราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ที่ไร่นา ในเดือนกุมภาพันธ์ ราคาข้าวเจ้านาปรังตันละ 8,075 บาท เดือนมีนาคม ราคาข้าวเจ้านาปรังตันละ 9,497 บาท เดือนเมษายน ราคาข้าวเจ้านาปรังตันละ 12,936 บาท ข้าวเหนียวนาปรังตันละ 9,843 บาท ส่วนเดือนพฤษภาคม ราคาข้าวเจ้านาปรังตันละ 12,366 บาท ข้าวเหนียวนาปรังตันละ 8,115 บาท ตามลำดับ
สำหรับปัจจุบันเดือนมิถุนายน ราคาข้าวเจ้านาปรังตันละ 12,726 บาท ข้าวเหนียวนาปรังตันละ 7,421 บาท จะเห็นว่าราคาข้าวเจ้านาปรังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางสัปดาห์ราคาจะลดลงไปบ้าง ส่วนข้าวเหนียวนาปรังมีปัญหาเรื่องความชื้นและอยู่ในช่วงผลผลิตออกมามากตามฤดูกาล ทำให้ราคาลดต่ำลงบ้าง ต่อไปในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2551 จะมีผลผลิตออกมาประมาณ 2.37 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งเป็นปลายฤดูกาลแล้ว สำหรับภาคใต้ผลผลิต จะออกมาในช่วง เดือนสิงหาคม - ตุลาคม 2551 ซึ่งมีไม่มากนัก
นายมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้รัฐบาลได้มีนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการรับจำนำจากเกษตรกรโดยตรง ในราคาข้าวเจ้านาปรัง ตันละ 14,000 บาท ข้าวเหนียวนาปรัง ตันละ 9,000 บาท ที่ความชื้นไม่เกิน 15 % ซึ่งจะมีผลให้ราคาข้าวเปลือกนาปรังมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีก จึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพียงแต่ให้ระวังเรื่องความชื้นเท่านั้น
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-