สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดจากภาวะตึงตัวของการผลิตน้ำตาลและข้าวโพดในตลาดโลกส่งผลให้ราคายังอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ข้าวโพดและอ้อยฤดูใหม่ที่จะออกสู่ตลาดมีราคาสูงตามไปด้วย แม้ว่าผลผลิตข้าวโพดปี 2551/52 จะมีมากขึ้นก็ตาม ส่วนปาล์มน้ำมันที่ผลผลิตมากขึ้น ก็ตรงกับความต้องการใช้เพื่อผลิตไบโอดีเซลที่มีมากเช่นกัน เชื่อราคาปาล์มน้ำมันยังแตะถึง 5 บาทได้
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยคาดว่าข้าวโพด ปี 2551/52 จะมีเนื้อที่ปลูก 5.94 ล้านไร่ ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย ส่วนผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็น 3.7 ล้านตัน แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ที่มีประมาณ 4 ล้านตัน ทั้งนี้เนื่องจากเกษตรกรเกรงว่าราคาปัจจัยที่เพิ่มขึ้นจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ขณะที่ข้าวโพดก็มีความเสี่ยงต่อภาวะฝนทิ้งช่วงมากกว่าพืชไร่อื่น ทำให้เกษตรกรลดพื้นที่ปลูกลง แต่สำหรับความต้องการในตลาดโลกนั้นยังมีมาก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ใช้ข้าวโพดเพื่อผลิตเอทานอล เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 23 เป็นร้อยละ 33 ของผลผลิตทั้งหมด ซึ่งคาดว่าราคาข้าวโพดยังมีทิศทางอยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตามราคาข้าวโพดในประเทศอาจอ่อนตัวลงบ้างในระยะนี้ เนื่องจากผลผลิตมีความชื้นสูงและออกสู่ตลาดมากถึงร้อยละ 50 ในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม
สำหรับอ้อย คาดว่าปี 2551/52 เนื้อที่ปลูกจะลดลงจาก 6.6 ล้านไร่ เหลือ 6.2 ล้านไร่ และผลผลิตลดลงจาก 73.5 ล้านตัน เหลือเพียง 69.7 ล้านตัน เนื่องจากเกษตรกรได้หันไปปลูกพืชอื่น เช่น มันสำปะหลัง ยางพาราและยูคาลิปตัสทดแทน อันเป็นผลจากต้นทุนการผลิตทั้งค่าพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่าแรงงานและค่าขนส่ง ที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ผลตอบแทนลดลง ส่วนภาวะในตลาดโลก ผลผลิตน้ำตาลของโลกมีน้อยกว่าความต้องการบริโภคเกือบ 4 ล้านตัน ทำให้ราคาน้ำตาลดิบส่งมอบปี 2552 ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 15 เซ็นต์ต่อปอนด์ ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินบาท ราคาน้ำตาลดิบเมื่อเทียบเป็นเงินบาท จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 11 บาท ส่วนน้ำตาลทรายขาวจะมีราคากิโลกรัมละ 14 บาท จะทำให้ราคาอ้อยกลับมาสูงกว่าตันละ 800 บาทอีกครั้ง หลังจากที่ราคาตกต่ำลงมาเหลือเพียง 600 บาท จนทำให้รัฐบาลต้องเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยขั้นต้นให้ได้ 807 บาทในปี 2550/51
ส่วนปาล์มน้ำมัน ปี 2551 จะมีเนื้อที่ให้ผลผลิต 2.90 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.24 ล้านไร่ ผลผลิตปาล์มทะลายเพิ่มขึ้นจาก 6.08 ล้านตัน เป็น 8.45 ล้านตัน หรือเป็นผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 1.48 ล้านตัน ทั้งนี้เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการผลิต ขณะนี้ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้วกว่าร้อยละ 70 ซึ่งความต้องการใช้น้ำมันปาล์มของตลาดเดิมชะลอตัวและมีปริมาณใกล้เคียงกับปีก่อน แต่การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลที่กำหนดให้ผสมไบโอดีเซล (B100) ในน้ำมันดีเซลร้อยละ 2 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อผลิตไบโอดีเซลเท่ากับ 350,000 ตัน และทำให้ภาพรวมของความต้องการใช้ปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้น คาดว่าราคาปาล์มน้ำมันจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับกิโลกรัมละ 4.50 — 5.00 บาท นายอภิชาต กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยคาดว่าข้าวโพด ปี 2551/52 จะมีเนื้อที่ปลูก 5.94 ล้านไร่ ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย ส่วนผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็น 3.7 ล้านตัน แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ที่มีประมาณ 4 ล้านตัน ทั้งนี้เนื่องจากเกษตรกรเกรงว่าราคาปัจจัยที่เพิ่มขึ้นจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ขณะที่ข้าวโพดก็มีความเสี่ยงต่อภาวะฝนทิ้งช่วงมากกว่าพืชไร่อื่น ทำให้เกษตรกรลดพื้นที่ปลูกลง แต่สำหรับความต้องการในตลาดโลกนั้นยังมีมาก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ใช้ข้าวโพดเพื่อผลิตเอทานอล เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 23 เป็นร้อยละ 33 ของผลผลิตทั้งหมด ซึ่งคาดว่าราคาข้าวโพดยังมีทิศทางอยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตามราคาข้าวโพดในประเทศอาจอ่อนตัวลงบ้างในระยะนี้ เนื่องจากผลผลิตมีความชื้นสูงและออกสู่ตลาดมากถึงร้อยละ 50 ในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม
สำหรับอ้อย คาดว่าปี 2551/52 เนื้อที่ปลูกจะลดลงจาก 6.6 ล้านไร่ เหลือ 6.2 ล้านไร่ และผลผลิตลดลงจาก 73.5 ล้านตัน เหลือเพียง 69.7 ล้านตัน เนื่องจากเกษตรกรได้หันไปปลูกพืชอื่น เช่น มันสำปะหลัง ยางพาราและยูคาลิปตัสทดแทน อันเป็นผลจากต้นทุนการผลิตทั้งค่าพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่าแรงงานและค่าขนส่ง ที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ผลตอบแทนลดลง ส่วนภาวะในตลาดโลก ผลผลิตน้ำตาลของโลกมีน้อยกว่าความต้องการบริโภคเกือบ 4 ล้านตัน ทำให้ราคาน้ำตาลดิบส่งมอบปี 2552 ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 15 เซ็นต์ต่อปอนด์ ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินบาท ราคาน้ำตาลดิบเมื่อเทียบเป็นเงินบาท จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 11 บาท ส่วนน้ำตาลทรายขาวจะมีราคากิโลกรัมละ 14 บาท จะทำให้ราคาอ้อยกลับมาสูงกว่าตันละ 800 บาทอีกครั้ง หลังจากที่ราคาตกต่ำลงมาเหลือเพียง 600 บาท จนทำให้รัฐบาลต้องเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มค่าอ้อยขั้นต้นให้ได้ 807 บาทในปี 2550/51
ส่วนปาล์มน้ำมัน ปี 2551 จะมีเนื้อที่ให้ผลผลิต 2.90 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.24 ล้านไร่ ผลผลิตปาล์มทะลายเพิ่มขึ้นจาก 6.08 ล้านตัน เป็น 8.45 ล้านตัน หรือเป็นผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 1.48 ล้านตัน ทั้งนี้เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการผลิต ขณะนี้ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้วกว่าร้อยละ 70 ซึ่งความต้องการใช้น้ำมันปาล์มของตลาดเดิมชะลอตัวและมีปริมาณใกล้เคียงกับปีก่อน แต่การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลที่กำหนดให้ผสมไบโอดีเซล (B100) ในน้ำมันดีเซลร้อยละ 2 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อผลิตไบโอดีเซลเท่ากับ 350,000 ตัน และทำให้ภาพรวมของความต้องการใช้ปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้น คาดว่าราคาปาล์มน้ำมันจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับกิโลกรัมละ 4.50 — 5.00 บาท นายอภิชาต กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-