สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดคะเนผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีเพาะปลูก 2551/52 ว่ามีประมาณ 3.74 ล้านตัน เผยช่วงนี้เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวมีผลผลิตออกมากที่สุด ประกอบกับมีฝนตกชุก ย้ำหนักให้เกษตรกรรักษาคุณภาพดูแลเรื่องความชื้น ป้องกันราคาตกต่ำ
นายมณฑล เจียมเจริญ รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สศก.ได้คาดคะเนเนื้อที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 นี้ว่ามีประมาณ 5.95 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย เนื่องจากเกษตรกรเห็นว่าผลตอบแทนที่ได้รับไม่จูงใจและดูแลรักษายากกว่า เมื่อเทียบกับพืชแข่งขัน เช่น มันสำปะหลัง โดยคาดว่าผลผลิตจะมีประมาณ 3.74 ล้านตัน ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เนื่องจากชาวไร่ที่มีอาชีพปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นประจำทุกปี ยังปลูกอยู่และดูแลรักษาอย่างดี แม้ว่าราคาปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา
สำหรับในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ชาวไร่ข้าวโพดเก็บเกี่ยวผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุด คือเดือน กันยายน — ตุลาคม 2551 จะมีผลผลิตออกมากถึง 50% ของผลผลิตทั้งหมด ซึ่งอาจจะส่งผลให้ราคาอ่อนตัวลงบ้าง จะเห็นได้จากปีที่ผ่านมา ราคาเมล็ดข้าวโพดสีแล้ว ความชื้นไม่เกิน 14% ที่เกษตรกรได้รับที่ไร่นาเฉลี่ย 6.89 บาท / กิโลกรัม โดยปี 2551 นี้ ราคาสูงที่สุดอยู่ในเดือน กรกฎาคม 9.85 บาท / กิโลกรัม ปัจจุบันราคาที่เกษตรกรได้รับที่ไร่นาเฉลี่ย 7.85 บาท / กิโลกรัม ถึงแม้ว่าราคาจะอ่อนตัวลงเนื่องจากผลผลิตออกมาก แต่นับว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อเทียบกับต้นทุนการผลิตซึ่งอยู่ที่ 5.83 บาท
นายมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปต่างประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ น้อยมาก กล่าวคือ เดือน ม.ค. — ธ.ค. 2550 ส่งออก 90,000 ตัน เดือน ม.ค. — ก.ค. 2551 ส่งออกไปแล้ว 121,000 ตัน ส่วนการนำเข้า เดือน ม.ค. — ธ.ค. 2550 มีจำนวน 150,356 ตัน เดือน ม.ค. — ก.ค. 2551 นำเข้ามาแล้ว 188,002 ตัน เนื่องจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยังเป็นส่วนผสมหลักในการผลิตอาหารสัตว์ แม้ว่าจะใช้มันสำปะหลังเป็นส่วนผสมมากขึ้นก็ตาม สำหรับช่วงนี้มีฝนตกชุกในแหล่งผลิตสำคัญของข้าวโพด อาจจะมีปัญหาในเรื่องข้าวโพดมีความชื้นสูง ทำให้ราคาที่ได้รับตกต่ำ จึงขอให้เกษตรกรชาวไร่ข้าวโพดเก็บเกี่ยวและดูแลความชื้นให้ได้คุณภาพก่อนขายผลผลิต เพื่อเป็นการรักษาระดับราคาไม่ให้ตกต่ำเกินไปจนประสบปัญหาขาดทุนได้
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายมณฑล เจียมเจริญ รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สศก.ได้คาดคะเนเนื้อที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 นี้ว่ามีประมาณ 5.95 ล้านไร่ ลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย เนื่องจากเกษตรกรเห็นว่าผลตอบแทนที่ได้รับไม่จูงใจและดูแลรักษายากกว่า เมื่อเทียบกับพืชแข่งขัน เช่น มันสำปะหลัง โดยคาดว่าผลผลิตจะมีประมาณ 3.74 ล้านตัน ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เนื่องจากชาวไร่ที่มีอาชีพปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นประจำทุกปี ยังปลูกอยู่และดูแลรักษาอย่างดี แม้ว่าราคาปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา
สำหรับในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ชาวไร่ข้าวโพดเก็บเกี่ยวผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุด คือเดือน กันยายน — ตุลาคม 2551 จะมีผลผลิตออกมากถึง 50% ของผลผลิตทั้งหมด ซึ่งอาจจะส่งผลให้ราคาอ่อนตัวลงบ้าง จะเห็นได้จากปีที่ผ่านมา ราคาเมล็ดข้าวโพดสีแล้ว ความชื้นไม่เกิน 14% ที่เกษตรกรได้รับที่ไร่นาเฉลี่ย 6.89 บาท / กิโลกรัม โดยปี 2551 นี้ ราคาสูงที่สุดอยู่ในเดือน กรกฎาคม 9.85 บาท / กิโลกรัม ปัจจุบันราคาที่เกษตรกรได้รับที่ไร่นาเฉลี่ย 7.85 บาท / กิโลกรัม ถึงแม้ว่าราคาจะอ่อนตัวลงเนื่องจากผลผลิตออกมาก แต่นับว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อเทียบกับต้นทุนการผลิตซึ่งอยู่ที่ 5.83 บาท
นายมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปต่างประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ น้อยมาก กล่าวคือ เดือน ม.ค. — ธ.ค. 2550 ส่งออก 90,000 ตัน เดือน ม.ค. — ก.ค. 2551 ส่งออกไปแล้ว 121,000 ตัน ส่วนการนำเข้า เดือน ม.ค. — ธ.ค. 2550 มีจำนวน 150,356 ตัน เดือน ม.ค. — ก.ค. 2551 นำเข้ามาแล้ว 188,002 ตัน เนื่องจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยังเป็นส่วนผสมหลักในการผลิตอาหารสัตว์ แม้ว่าจะใช้มันสำปะหลังเป็นส่วนผสมมากขึ้นก็ตาม สำหรับช่วงนี้มีฝนตกชุกในแหล่งผลิตสำคัญของข้าวโพด อาจจะมีปัญหาในเรื่องข้าวโพดมีความชื้นสูง ทำให้ราคาที่ได้รับตกต่ำ จึงขอให้เกษตรกรชาวไร่ข้าวโพดเก็บเกี่ยวและดูแลความชื้นให้ได้คุณภาพก่อนขายผลผลิต เพื่อเป็นการรักษาระดับราคาไม่ให้ตกต่ำเกินไปจนประสบปัญหาขาดทุนได้
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-