สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผยปี 51 ไทยผลิตปาล์มน้ำมันได้เกือบเก้าล้านตัน เพราะการขยายตัวของพื้นที่ปลูก และดินฟ้าอากาศที่เอื้ออำนวย ด้านภาครัฐโดยกระทรวงเกษตรฯ เตรียมพร้อมแทรกแซงตลาดน้ำมันปาล์มดิบปี 2551/52 เพื่อแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำแล้ว
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ประมาณการว่า ในปีนี้ไทยสามารถผลิตผลปาล์มน้ำมันได้ 8.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ซึ่งผลิตได้ 6.39 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 35.84 เนื่องจากการขยายตัวของพื้นที่ปลูกในช่วง 3 — 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่เก็บเกี่ยวเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพดินฟ้าอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น สำหรับในช่วงเดือนพฤศจิกายน — ธันวาคมของปีนี้ คาดว่าจะมีผลปาล์มออกสู่ตลาด 0.72 ล้านตัน คิดเป็นผลผลิตในรูปน้ำมันปาล์มดิบ 0.12 ล้านตัน รวมกับสต๊อกคงเหลือ 0.16 ล้านตัน รวมผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบทั้งสิ้น 0.28 ล้านตัน สำหรับต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมันปี 2551 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.25 บาท เพิ่มขึ้นจาก 1.84 บาทในปี 2550 เนื่องจากราคาปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้น
จากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 1- 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ขณะเดียวกันภาวะตลาดภายในประเทศค่อนข้างซบเซา เพราะเศรษฐกิจชะลอตามภาวะตลาดโลก ซึ่งประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ของโลก ได้แก่ จีน และอินเดีย ชะลอการนำเข้าน้ำมันพืช ในขณะที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจากฟอสซิลลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันไบโอดีเซลปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน โดยราคาผลปาล์มสดที่เกษตรกรขายได้กิโลกรัมละ 2.72 บาท ในเดือนตุลาคม 2551 เหลือกิโลกรัมละ 2.50 บาท ในเดือนพฤศจิกายน 2551
นายอภิชาต กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำและไม่ให้กระทบต่อนโยบายการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อทดแทนพลังงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2551 ให้ดำเนินการแทรกแซงตลาดน้ำมันปาล์มดิบ ปี 2551 / 52 โดยกำหนดให้รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคากิโลกรัมละ 22.50 บาท ปริมาณ 1 แสนตัน และเก็บสต๊อกไว้จำหน่ายในช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบในแหล่งผลิตที่เข้าร่วมโครงการรับซื้อผลปาล์มทะลายจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 3.50 บาท (น้ำมันร้อยละ 17 ) ช่วงระยะเวลาดำเนินการเดือนพฤศจิกายน 2551 — มกราคม 2552 ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการเพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการได้อย่างรวดเร็ว โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งรัดการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในทุกพื้นที่แล้ว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--