สศข.5 ติดตามโครงการพลิกฟื้นธนาคารควายไถนาตามพระราชดำริฯ เผย ศรีสะเกษมีเกษตรกรเข้าร่วม แล้ว 25 ราย พื้นที่ดำเนินการกว่า 313 ไร่ โดยโครงการฯ ให้ยืมกระบือเพศเมียแก่เกษตรกรรายละ 1 ตัว ย้ำ หากต้องการกระบือเพิ่ม พร้อมเปิดให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี
นายยรรยงค์ แสนสิงห์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 5 (สศข.5) จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพลิกฟื้นธนาคารควายไถนาตามพระราชดำริฯ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สศข.5 และได้รับมอบหมายให้ติดตามประเมินผลโครงการฯ โดยจังหวัดศรีสะเกษ นับเป็นหนึ่งในจังหวัดโครงการนำร่อง 12 จังหวัด ซึ่งมีพื้นที่ดำเนินการในพื้นที่ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในเขตตำบลโนนสำราญ อำเภอกันทราลักษณ์ ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 25 ราย คิดเป็นพื้นที่ดำเนินการรวม 313 ไร่ โดยทางโครงการฯ ได้ให้ยืมกระบือเพศเมีย รายละ 1 ตัว พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์การไถคราดและปัจจัยการผลิต เช่น เมล็ดพันธุ์ข้าว เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยพืชสด และพันธุ์พืชผักสวนครัวให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ
สำหรับกระบือเพศเมียที่ให้เกษตรกรในโครงการฯ ยืมนั้น หากมีการตกลูกตัวแรก เกษตรกรจะต้องเลี้ยงดูลูกกระบือให้ครบ 2 ปี และนำลูกกระบือมาคืน เพื่อที่ทางโครงการฯ จะได้นำไปมอบให้แก่ธนาคารโคกระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริฯ ต่อไป นอกจากนี้ หากเกษตรกรสามารถเลี้ยงกระบือที่ทางโครงการฯ ให้ยืมมาครบระยะเวลา 5 ปี ทางโครงการฯ จะยกสิทธิ์ในกระบือและลูกกระบือที่เหลือให้แก่เกษตรกรด้วย ขณะเดียวกันถ้าเกษตรกรบางรายที่มีพื้นที่มาก และประสงค์อยากได้กระบือใช้งานมากกว่า 1 ตัว ทางสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดศรีสะเกษพร้อมเปิดให้เกษตรกรทำการกู้ยืมเงินได้โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี
ทั้งนี้ โครงการพลิกฟื้นธนาคารควายไถนาตามพระราชดำริฯ ของจังหวัดศรีสะเกษ ได้ดำเนินการเปิดโครงการมาตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน 2551 โดยความร่วมมือของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นับเป็นโครงการที่สนับสนุนให้เกษตรกรชาวนาไทยหันกลับมาใช้แรงงานกระบือในการไถนาเพื่อลดค่าใช้จ่ายจากเครื่องจักร และเป็นการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งโครงการฯ ดังกล่าว จะสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2552 โดยทางสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะทำหน้าที่ติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลโครงการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบเป็นระยะต่อไป
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--