เตรียมถอยงบ 43 ล้านบาท ดันเกษตรกรสวนกาแฟ ตั้งรับการเปิดเสรีทางการค้า

ข่าวทั่วไป Tuesday April 7, 2009 13:39 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สศก. ร่วมประชุมติดตามเร่งรัดงบประมาณโครงการการผลิตกาแฟครบวงจร ซึ่งเป็นโครงการที่เสนอขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ เผย โครงการฯ ได้ปรับลดงบประมาณจาก 124 ล้านบาท เป็น 43 ล้านบาท ตามความเหมาะสมของกิจกรรม พร้อมดำเนินงานรับการเปิดเสรีการค้าที่จะเกิดขึ้นในเดือนมกราคม ปีหน้า

นางสุภาพร พิมลลิขิต รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามและเร่งรัดงบประมาณของ “โครงการการผลิตกาแฟครบวงจร” ณ ห้องประชุมเกาะพิทักษ์ ศาลากลางจังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโครงการที่เสนอขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ รวมทั้ง อำนวยความสะดวกแก่สถาบันเกษตรกร และหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า โดยมีตัวแทนจากกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรฯ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน และกรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้าร่วมชี้แจง พร้อมทั้งตัวแทนเกษตรกร จาก 2 สถาบัน ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรทำสวนเขาทะลุ และสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร ส่วนอีก 1 สถาบัน คือ กลุ่มเกษตรกรทำสวน จ.ป.ร. จังหวัดระนอง ได้ทำการประชุมชี้แจงถัดมาในวันที่ 19 มีนาคม 2552

สำหรับโครงการฯ ดังกล่าว ถูกปรับลดงบประมาณตามความเหมาะสมของแต่ละกิจกรรม โดยก่อนหน้านี้ได้เชิญตัวแทน 3 สถาบันเพื่อตกลงรายละเอียด จาก 124 ล้านบาท เป็น 43 ล้านบาท และปรับปรุงตัวชี้วัด ซึ่งการปรับปรุงโครงการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์กาแฟ ปี 2552 - 2556 แบ่งเป็น งบจ่ายขาด เพื่อแก้ปัญหาการปรับโครงสร้างกาแฟด้านการผลิต เป็นการเพิ่มผลผลิตต่อไร่และลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกร โดย ดร.สุรีรัตน์ จากศูนย์วิจัยพืชสวน จ. ชุมพร กรมวิชาการเกษตร จะถ่ายทอดเทคโนโลยี “การตัดฟื้นต้นหรือการทำสาว” ซึ่งสามารถปรับปรุงผลผลิตกาแฟ และการแก้ปัญหาดินเสื่อม เน้นการใช้ปุ๋ยที่ถูกต้อง โดยในปีแรกจะเลือกเกษตรกรหัวก้าวหน้าที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจ สถาบันละ 10 คน คนละ 1 ไร่ รวมเป็น 30 ไร่ ซึ่งจะถูกถ่ายทอดและเรียนรู้การฟื้นต้นหรือการทำสาวอย่างเข้มข้น โดยจัดสรรงบประมาณจ่ายขาดแก่เกษตรกรที่รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี รายละ 12,000 บาท ส่วนในปีที่ 2 เกษตรกรที่เรียนรู้แล้ว 1 คนขยายผลให้เกษตรกรอีก 10 คน รวมทั้ง 3 สถาบันเป็น 300 คน หลังจากนั้น จะส่งต่อยังกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อนำผลการเรียนรู้ที่ทำมาถ่ายทอดยังกลุ่มเกษตรกร โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะส่งเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลร่วมเรียนรู้ด้วย ส่วนกรมพัฒนาที่ดินจะถ่ายทอดการฟื้นฟูและบำรุงดินที่เหมาะสม เป็นการบูรณาการ่วมกันอย่างครบวงจร อย่างไรก็ตาม กลุ่มเกษตรกรทำสวนเขาทะลุ ขอเพิ่มเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการเป็น 20 คน โดย ดร.สุรีรัตน์ จะปรับปรุงงบและเพิ่มจำนวนแปลงตามที่ตัวแทนเกษตรกรร้องขอ ส่วนงบหมุนเวียน ทั้ง 2 สถาบันขอไปเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนกาแฟเกิน โรงเรือน อาคารโรงคั่วกาแฟ เครื่องคั่วกาแฟ เครื่องบดกาแฟ ซึ่งจัดเป็นเงินยืมปลอดดอกเบี้ย และจะเริ่มคืนในปี 2553 ทั้งนี้ ไม่มีปัญหาในการของบประมาณดังกล่าว

ทั้งนี้ 2 สถาบันได้เห็นด้วยในข้อสรุป และทำหนังสือยืนยันการยอมรับโครงการที่ปรับปรุงหารือในที่ประชุมวันที่ 18 มีนาคม 2552 โดยฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ จะนำเข้าคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการเสนอขอรับเงินสนับสนุนกองทุนฯ ในการอนุมัติงบประมาณอย่างเร่งด่วน เพื่อเกษตรกรชาวสวนกาแฟจะได้ดำเนินงานตามโครงการฯ พร้อมทั้ง ปรับตัวพร้อมรับการเปิดเสรีการค้าที่จะเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2553

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

แท็ก เกษตรกร  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ