กระทรวงเกษตรฯ ร่วมประชุมหารือทุกภาคส่วน แก้ไขปัญหาผลผลิตลิ้นจี้ที่คาดว่าจะมีมากกว่า 8 หมื่นตันทั่วประเทศ และจะล้นตลาดในช่วงหลังสงกรานต์ไปจนกลางเดือนพฤษภาคมนี้ เผย ที่ประชุมห็นควรเร่งผลักดันการส่งออก และกระจายผลผลิต โดยของบสนับสนุนค่าขนส่งจาก คชก. มาช่วยเหลือเกษตรกร
นายมณฑล เจียมเจริญ รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยภายหลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดเชิญประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และเกษตรกร เพื่อร่วมระดมความคิดเห็นและแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาลิ้นจี่ เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ณ โรงแรมเชียงใหม่ออร์คิด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในปีนี้ คาดว่า ผลผลิตลิ้นจี่ทั้งประเทศจะมีประมาณ 81,748 ตัน โดยเฉพาะ 4 จังหวัดภาคเหนือ มีผลผลิตประมาณ 69,141 ตัน แบ่งเป็น จังหวัดเชียงใหม่ 27,922 ตัน เชียงราย 18,252 ตัน พะเยา 14,496 ตัน และน่าน 8,521 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้อากาศเอื้ออำนวยต่อการออกดอกและเจริญเติบโต แม้ว่าจะมีพายุฤดูร้อน ลูกเห็บ และอากาศแปรปรวนร้อนจัดบ้างในบางพื้นที่ก็ตาม โดยผลผลิตจะออกมากที่สุดช่วงปลายเดือนเมษายน ถึงกลางเดือนพฤษภาคม และคาดว่าพื้นที่ที่จะมีผลผลิตลิ้นจี่ออกมาก่อน คือที่อำเภอแม่ใจ ในจังหวัดพะเยา
โดยที่ประชุม ได้ร่วมสรุปมาตรการที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตลิ้นจี่จะออกมามากหลังสงกรานต์นี้ว่า จะเร่งผลักดันการส่งออกไปยังอินโดนีเชีย และยุโรป และการกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิตไปถึงผู้บริโภค โดยอาศัยช่องทางของเครือข่ายสหกรณ์ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งขอสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนและช่วยเหลือค่าขนส่งจาก คชก. และให้ผู้ประกอบการตั้งจุดรับซื้อลิ้นจี่ตามแหล่งผลิต เพื่ออำนวยความสะดวกกับชาวสวนลิ้นจี่ ซึ่งคาดว่ามาตรการ ดังกล่าวจะสามารถช่วยแก้ปัญหาราคาตกต่ำในช่วงที่ผลผลิตออกมากได้ และแม้ว่าลิ้นจี่ไทยมีคุณภาพสู้ทางประเทศจีนไม่ได้ แต่เป็นผลไม้ประจำถิ่นประเทศไทย จึงอยากเชิญชวนให้คนไทยร่วมใจบริโภคสินค้าไทยช่วยเหลือเกษตรเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำขณะนี้ รองเลขาธิการ สศก. กล่าวทิ้งท้าย
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--