1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา(24 — 30 ต.ค. 2552) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,008.00 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 578.76 ตัน สัตว์น้ำจืด 429.24 ตัน ประกอบด้วย สัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 2.52 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 4.19 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 137.11 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 8.91 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 77.74 ตันการตลาด
กรมประมงเชิญชวนผู้บริโภครับประทานปลาไทยสดปลอดภัยได้มาตรฐาน
ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมงเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการที่ประเทศไทยลงนามความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ) กับประเทศต่างๆ ซึ่งกำหนดให้ประเทศคู่เจรจาต้องลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าประมงและผลิตภัณฑ์ประมงให้เหลือร้อยละ 0 ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ส่งผลให้มีการนำเข้าสินค้าปลาสดและปลาแช่แข็งจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยมีปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบปีก่อนเปิดการค้าเสรี ส่งผลโดยตรงกับชาวประมง และเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด จำนวนกว่า 400,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฟาร์มขนาดเล็ก กรมประมงในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จึงได้จัดทำโครงการรับรองมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยในกรณีของสัตว์น้ำจืด มีระดับมาตรฐานฟาร์ม 2 ระดับ คือ มาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำขั้นปลอดภัย(safety level) และมาตรฐานการปฏิบัติทางประมงที่ดี(GAP) ภายในปีนี้ กรมประมงเตรียมขยายการรับรอง safety level เพิ่มขึ้นอีก จำนวน 10,000 ฟาร์ม และ GAP จำนวน 3,500 ฟาร์ม จากเดิมมีฟาร์มที่ได้รับรอง safety level 17,499 ฟาร์ม และ GAP 2,988 ฟาร์ม เพื่อพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพฟาร์ม ปลาน้ำจืดของไทยให้ได้มาตรฐาน และสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรไทย ให้สามารถรองรับการแข่งขันกับตลาดต่างประเทศได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังรณรงค์ส่งเสริมให้มีการบริโภคสัตว์น้ำที่ผลิตในประเทศที่มีความสด สะอาด ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ราคาย่อมเยา ทำให้ผู้บริโภคมีสุขภาพดี และยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทยและตลาดสินค้าประมงในประเทศอีกด้วย สำหรับกรณีการนำเข้าสัตว์น้ำ กรมประมงได้มีมาตรการควบคุมด้านสุขอนามัย โดยการสุ่มตรวจรับรองจากเจ้าหน้าที่ด่านของกรมประมงอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยและคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.91 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 42.36 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.45 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคาจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 65.05 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 61.98 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.07 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯเฉลี่ยกิโลกรัมละ 110.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ114.29 บาท ของสัปดาห์ก่อน 4.29 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 103.15 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 101.95 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.20 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 105.00 บาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.5 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 56.89 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 55.86 บาท ของสัปดาห์ก่อน 1.03 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.6 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้ ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 110.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 114.29 บาท ของสัปดาห์ก่อน 4.29 บาท
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.46 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.49 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.03 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 14 - 20 พ.ย. 2552) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.26 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 28.57 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.31 บาท
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 16 - 22 พฤศจิกายน 2552--