สศข.4 เตือนชาวนาอีสานแห่ปลูกข้าวรอบที่ 2 หวั่นกระทบแล้ง

ข่าวทั่วไป Tuesday February 9, 2010 13:12 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 4 ขอนแก่นเผยชาวนาหลายจังหวัดในภาคอีสานเร่งปลูกข้าวรอบที่ 2 ปี 2552/53 หลังรัฐบาลมีโครงการประกันรายได้ และราคาข้าวที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น หวั่นน้ำไม่เพียงพอ แนะชาวนากักเก็บน้ำและลดพื้นที่ปลูกข้าวลง รวมทั้งเฝ้าระวังศัตรูข้าวระบาดด้วย

นายวัชระชัย ผสมทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 4 ขอนแก่น (สศข. 4) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์การปลูกข้าวรอบที่ 2 ปี 2552/53 ในพื้นที่ สศข. 4 ว่าขณะนี้เกษตรกรส่วนใหญ่ได้เริ่มปลูกข้าวไปแล้ว ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน คาดว่าพื้นที่การปลูกข้าวรอบที่ 2 ในพื้นที่ภาคอีสานจะเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วเป็นจำนวนมาก

จากข้อมูลแผนการจัดสรรน้ำของโครงการชลประทานขนาดใหญ่และขนาดกลาง ในการปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2552/53 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ สศข. 4 ใน 4 จังหวัดสำคัญตามลำดับ ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น และร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 ที่เป็นข้าวเจ้าและข้าวเหนียวรวมกว่า 5 แสนไร่ แต่จากการติดตามสถานการณ์การปลูกข้าว ณ เดือนมกราคม 2553 พบว่า มีพื้นที่ปลูกเกินกว่าเป้าหมายที่วางแผนไว้ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทานที่สูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีสาเหตุมาจากแรงจูงใจของราคาข้าวที่ขายในท้องตลาดสูงมากกว่าตันละ 10,000 บาท รวมทั้งมาตรการประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้น้ำในแม่น้ำชี น้ำพอง และลำปาว ที่เป็นแม่น้ำสายหลักมีปริมาณน้ำลดลง โดยสำนักชลประทานที่ 6 และ 7 ได้รายงานไปยังจังหวัดถึงสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งการคำนวณปริมาณต้นทุน ซึ่งคาดว่าจะไม่เพียงพอในการทำนาปรัง

สำหรับพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม คาดว่าข้าวรอบที่ 2 ในเขตชลประทานจะไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งมากนัก แต่ที่น่าเป็นห่วงคือพื้นที่นอกเขตชลประทาน เพราะเกษตรกรได้เพิ่มพื้นที่ปลูกมากกว่าเท่าตัว และในบางในอำเภอที่ไม่เคยปลูกข้าวนาปรังมาก่อนได้อาศัยการสูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย นาเชือก ยางสีสุราช วาปีปทุม เป็นต้น

ดังนั้น สศข.4 จึงขอแจ้งเตือนเกษตรกรในภาคอีสาน โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีพื้นที่นอกเขตชลประทานที่สูบน้ำจากแหล่งธรรมชาติ ขอให้เกษตรกรกักเก็บน้ำในบ่อของตนเอง และพยายามลดพื้นที่ปลูกข้าวในพื้นที่นอกเขตชลประทานที่ต้องสูบน้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติลง เพราะอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้ รวมทั้งควรเฝ้าระวังศัตรูข้าวที่อาจจะระบาด โดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ซึ่งเป็นแมลงศัตรูพืชอันดับหนึ่งของข้าวที่ระบาดอยู่ในเขตภาคกลางที่มีการปลูกข้าวนาปีและนาปรังติดต่อกันทุกปี แต่ขณะนี้พบว่าในบางพื้นที่เริ่มมีหนูระบาดกินเมล็ดข้าวที่หว่านไว้ และกัดกินต้นข้าวที่กำลังเจริญเติบโตจนได้รับความเสียหายในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์และร้อยเอ็ด ซึ่งเกษตรกรได้ใช้วิธีกำจัดหนูนาด้วยการใช้ไฟฟ้าปล่อยไปตามเส้นลวดที่ขึงรอบแปลงนา หรือใช้พลาสติกดำ สีขาว ปิดล้อมนาข้าวเพื่อป้องกันไม่ให้หนูเข้าไปทำลายได้ นายวัชระชัย กล่าว

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ