สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สถานการณ์ตลาดสุกรในสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนทำให้สุกรโตข้า ประกอบกับผลจากความเสียหายจากโรคระบบทางเดินหายใจ (PRRS) ส่งผลให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรอยู่ในระดับเดิม แนวโน้มคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือปรับตัวสูงขึ้น
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 60.82 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 60.19 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.05 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 60.87 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 61.35 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 60.91 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 59.34 บาท ส่วนราคา ลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 1,900 บาท (บวกลบ 60 บาท) ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิตในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 61.50 บาท และราคาขายส่งสุกรชำแหละ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 71.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
ในสัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตไก่เนื้อที่ออกสู่ตลาดยังคงมีมาก ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อไก่อ่อน ตัวลงหลังช่วงเทศกาลตรุษจีน แนวโน้มคาดว่าราคาจะอ่อนตัวลงอีกเล็กน้อย
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผยว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญได้เกือบทุกชนิด ยกเว้น ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง และปลาป่นคุณภาพสูง ซึ่งผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ ทำให้ในแต่ละปีจึงต้องนำเข้าสินค้าเหล่านี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรและเพื่อให้เกิดความมั่นคงในการผลิตพืชอาหารสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ จึงได้พัฒนาเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ ที่ใช้ในการประมาณการความต้องการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อคำนวณความต้องการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสัตว์แต่ละชนิดในแต่ละช่วงอายุ และมีต้นทุนต่ำสุด กรณีศึกษา ไก่เนื้อ ไก่ไข่ และสุกร การศึกษาพบว่า ปริมาณความต้องการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญของไทยในปี 2552 กรณีศึกษา ไก่เนื้อ ไก่ไข่ และสุกร มีปริมาณความต้องการใช้ปลายข้าว 0.70 ล้านตัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 3.19 ล้านตัน รำละเอียด 1.12 ล้านตัน กากถั่วเหลือง 2.21 ล้านตัน และปลาป่น 0.17 ล้านตัน และคาดว่าความต้องการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ในปี 2553 กรณีศึกษา ไก่เนื้อ ไก่ไข่ และสุกร จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกันกับอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรสัตว์ โดยคาดว่ามีปริมาณความต้องการใช้ปลายข้าว 0.72 ล้านตัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 3.26 ล้านตัน รำละเอียด 1.15 ล้านตัน กากถั่วเหลือง 2.26 ล้านตัน และปลาป่น 0.18 ล้านตัน ทั้งนี้ การใช้เครื่องมือดังกล่าว นอกจากจะสามารถพยากรณ์ปริมาณความต้องการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ เพื่อประกอบการวางแผนการผลิตและการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้สอดคล้องและเพียงพอกับปริมาณความต้องการใช้ นำไปสู่การวางแนวนโยบายเพื่อสร้างความสมดุลทางด้านอาหาร อาหารสัตว์ และพลังงานทดแทน ยังเป็นการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และเพื่อให้สัตว์ได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพ เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ควรหันมาผสมอาหารสัตว์ใช้เอง โดยรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มหรือสหกรณ์ในการจัดหา จัดซื้อวัตถุดิบและผลิตอาหารสัตว์ใช้ร่วมกัน
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 43.47 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 44.74 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.84 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 45.95 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 41.66 บาท ภาคกลางกิโลกรัมละ 43.52บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตัวละ18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตในตลาดกรุงเทพฯ จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 44.50 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ยังคงปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงที่ผ่านมีการปรับลดปริมาณผลผลิตไข่ไก่ โดยขอความร่วมมือปลดแม่ไก่ไข่ยืนกรงก่อนกำหนดเพื่อลดปริมาณผลผลิตไข่ไก่ส่วนเกิน ประกอบกับการแก้ไขปัญหาผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาด ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2553 ทั้งด้านการผลิตและด้านการตลาดทำให้การแก้ไขปัญหาประสบผลสำเร็จได้เร็วขึ้น ส่วนราคาลูกไก่ปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเพราะความต้องการเลี้ยงมีมาก ทั้งนี้เพื่อชดเชยแม่ไก่ไข่ที่ปลดไป ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดลดลงและเริ่มสมดุลกับความต้องการบริโภค แนวโน้มคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือปรับตัวสูงขึ้น
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 264 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 258 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.33 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือร้อยฟองละ 264บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 258 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 261 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 278 บาท ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ตัวละ 26.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 24.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 8.33
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ย ร้อยฟองละ 285 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 275 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.64
ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 283 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ภาคเหนือร้อยฟองละ 256 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 294 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 273 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 343 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 340 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโค (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 43.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 43.29 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.67 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 47.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 37.52 บาท ภาคกลางกิโลกรัมละ 41.85 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 52.82 บาท
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 35.33 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 35.36 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.08 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 52.50 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 32.20 บาท ภาคกลาง 32.69 บาท ภาคใต้ไม่มีรายงานราคา
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 22-28 กุมภาพันธ์ 2553--