ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร: ข้าว

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 การผลิต

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้คาดคะเนการผลิตข้าวนาปี ปี 2553/54 ณ เดือน มีนาคม 2553 ว่าจะมีเนื้อที่เพาะปลูก 57.402 ล้านไร่ ได้ผลผลิต 23.173 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 404 กิโลกรัม ทั้งพื้นที่เพาะปลูก ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 0.26, 1.88 และ 1.76 ตามลำดับ

เนื่องจากเนื้อที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อย เนื่องจากนโยบายประกัน รายได้ข้าวของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวนามีความมั่นใจในเรื่องผลตอบแทน และรายได้ที่ได้รับ จูงใจให้เพิ่มเนื้อที่เพาะปลูกในที่นาร้าง แต่จะเพิ่มขึ้นไม่มาก เนื่องจากที่นาข้าวมีจำกัด ส่วนผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล แต่ความรุนแรงคาดว่าจะน้อยกว่าปีที่แล้ว รวมทั้งหากเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ก็ไม่น่าส่งผลกระทบต่อการผลิตข้าวมากนัก ดังนั้นจึงส่งผลให้โดยรวมเพิ่มขึ้น

1.2 การตลาด

1.1.1 โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 (รอบ1) ขณะนี้ อยู่ในช่วงการใช้สิทธิของเกษตรกรภาคใต้ เท่านั้น

• การจัดทำสัญญาประกันรายได้ โดย ธ.ก.ส. สาขาที่เป็นภูมิลำเนา/ต้นที่ปลูก ตั้งแต่เดือน สิงหาคม - 15 ธันวาคม 2552 ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2552 - 15 เมษายน 2553
• ระยะเวลาใช้สิทธิ์ประกันรายได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552- 28 กุมภาพันธ์ 2553 ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ — 31 พฤษภาคม 2553
• ราคาและปริมาณประกันรายได้เกษตรกร กำหนดปริมาณและราคาประกันรายได้เกษตรกรต่อครัวเรือน ณ ความชื้นไม่เกิน 15% ดังนี้

              - ข้าวเปลือกเจ้าตันละ  ตันละ 10,000 บาท           ไม่เกิน  25 ตัน / ครัวเรือน
              - ข้าวเปลือกปทุมธานี   ตันละ 10,000 บาท           ไม่เกิน  25 ตัน / ครัวเรือน
              - ข้าวเปลือกเหนียว    ตันละ  9,500 บาท           ไม่เกิน  16 ตัน / ครัวเรือน

• ระยะเวลาโครงการ เดือนกรกฎาคม 2552 — กรกฎาคม 2553

ประกาศราคาอ้างอิง โดยประกาศราคาอ้างอิงทุก 7 วัน สำหรับราคาอ้างอิงประจำวันที่ 3 พ.ค. 53

1.1.2 โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 (รอบ2)

• ระยะเวลาประชาสัมพันธ์ 1 ธันวาคม 2552 — 31 กรกฎาคม 2553
• ระยะเวลาการขึ้นทะเบียนเกษตรกร 1 มกราคม — 30 เมษายน 2553 (ภาคใต้ 1 เมษายน — 31 กรกฎาคม 2553
• ระยะเวลาประชาคม 6 มกราคม - 15 พฤษภาคม 2553 (ภาคใต้ 6 เมษายน — 15 สิงหาคม 2553)
• ระยะเวลาออกหนังสือรับรอง 15 มกราคม — 20 พฤษภาคม 2553 (ภาคใต้ 15 เมษายน — 20 สิงหาคม 2553)
• การจัดทำสัญญาประกันรายได้ 20 มกราคม — 30 พฤษภาคม 2553 (ภาคใต้ 20 เมษายน — 30 สิงหาคม 2553)
• การใช้สิทธิ์ประกันรายได้ 21 มกราคม — 31 กรกฎาคม 2553 (ภาคใต้ 21 เมษายน — 31 ตุลาคม 2553)
• ราคาและปริมาณประกันรายได้เกษตรกร กำหนดปริมาณและราคาประกันรายได้เกษตรกรต่อครัวเรือน ณ ความชื้นไม่เกิน 15% ดังนี้

              - ข้าวเปลือกปทุมธานี 1  ตันละ 11,000 บาท           ไม่เกิน  25 ตัน / ครัวเรือน
              - ข้าวเปลือกเจ้า       ตันละ 10,000 บาท           ไม่เกิน  25 ตัน / ครัวเรือน
              - ข้าวเปลือกเหนียว     ตันละ  9,500 บาท           ไม่เกิน  16 ตัน / ครัวเรือน

• ประกาศราคาอ้างอิง โดยประกาศราคาอ้างอิงทุก 7 วัน สำหรับราคาอ้างอิงประจำวันที่ 3 พ.ค. 53

ภาวการณ์ซื้อขายข้าวในสัปดาห์นี้ ราคามีแนวโน้มลดลงจากสัปดาห์ก่อนในทุกตลาด และทุกชนิดข้าว ยกเว้นข้าวเหนียว แม้รัฐบาลจะมีมาตรการเสริมก็ตาม ทั้งนี้เนื่องจากผู้ส่งรายใหญ่ๆ มีข้าวในสต็อกคงเหลือมากเพียงพอต่อการส่งมอบให้ลูกค้า ขณะเดียวกันการค้าในช่วงนี้ชะลอตัว เนื่องจากลูกค้าผู้นำเข้าส่วนใหญ่มีข้าวที่สต็อกไว้ในช่วงที่เกิดภาวการณ์ขาดแคลน และมีราคาสูงจำนวนมาก จึงชะลอการนำเข้าเพื่อรอเลือกซื้อข้าวในราคาถูก นอกขากนี้พ่อค้าโรงสีส่วนใหญ่มีสต๊อกข้าวคงเหลือจำนวนมากที่ยังไม่สามารถระบายออกได้ จึงไม่รับซื้อข้าวจากเกษตรกร ประกอบกับผลผลิตข้าวนาปรัง ปี2553 ยังคงออกสู่ตลาดจำนวนมากและข้าวมีคุณภาพต่ำเนื่องจากข้าวส่วนใหญ่กระทบแล้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเมล็ดไม่สมบูรณ์ และข้าวมีความชื้นสูงเพราะเกษตรกรใช้เครื่องเกี่ยวนวด จึงทำให้พ่อค้าโรงสีรายย่อยจึงกดราคารับซื้อในราคาต่ำลงไปอีก

การส่งออก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม — 23 เมษายน 2553 ประเทศไทยส่งออกข้าวทั้งหมด จำนวน 2,546 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจาก 2,578 ล้านตันข้าวสาร ของการส่งออกข้าวในช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.23 (ที่มา: กรมการค้าภายใน)

1.2 ราคา

ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,431 บาท ราคาลดลงจากตันละ 13,652 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.62

ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 8,050 บาท ราคาลดลงจากตันละ 8,360 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.71

ราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวนาปี ที่เกษตรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,211 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,002 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.90

ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี ความชื้น 14-15% ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 8,050 บาท ราคาลดลงจากตันละ 8,360 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.71

ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,530 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 12,290 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.95

ราคาส่งออก เอฟ.โอ. บี

ราคาข้าวหอมมะลิไทย ชั้น 1 (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 1,002 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ (32,103.58 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 1,005 ดอลลาร์สหรัฐ (32,199.70 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 96.12 บาท

ราคาข้าวปทุมธานี ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 726 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,260.68 บาท/ตัน) ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 712 ดอลลาร์สหรัฐ (23,812.12 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.97 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 551.44 บาท

ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 449 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,385.74 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 451 ดอลลาร์สหรัฐ (14,449.81 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.44 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 64.07 บาท

ราคาข้าวสารเจ้า 25% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 393 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,592 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 394 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,602 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.25 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 10 บาท

ราคาข้าวนึ่ง 5% ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 462 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,802 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 463 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,809 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.22 และลดลงในรูปเงินบาท ตันละ 7 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.0395 บาท

2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ

2.1 ส่งออกข้าวเวียดนามราคาตก สต็อกเพิ่ม

สมาคมอาหารเวียดนามรายงานว่า เวียดนามได้ส่งมอบข้าว 1.8 ล้านตัน มูลค่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ (25,631.60 ล้านบาท) ไปยังตลาดต่างประเทศ และได้มีการลงนามในการทำสัญญาในการส่งออกอีก 2.8 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ยอดการสั่งซื้อสินค้าข้าวก็ลดลง สถานการณ์ในการส่งมอบข้าวในระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ก็ช้าลงด้วย อาทิ ประเทศฟิลิปปินส์ได้ขอให้ชะลอการส่งมอบสินค้าที่ได้มีการสั่งซื้อข้าว 1 ล้านตัน เมื่อปลายปี 2552 เนื่องจากไม่มีคลังสินค้าเพียงพอที่จะเก็บ ซึ่งจะส่งให้เวียดนามมีต้นทุนในการเก็บรักษาที่เพิ่มสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ตลาดโลกในปัจจุบันไม่ค่อยกระเตื้องเท่าไรนัก ทำให้เวียดนามไม่สามารถหาลูกค้าในฟิลิปปินส์ แอฟริกา และตะวันออกกลางหรืออิรัก เป็นต้น

นอกจากนี้ เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ได้เคยประกาศจะเปิดประมูลซื้อข้าว 800,000 ตัน แต่แผนดังกล่าวก็ถูกเลื่อนออกไป ในขณะที่ลูกค้าจากแอฟริกาก็หันไปซื้อข้าวจากปากีสถาน ซึ่งเป็นข้าวที่มีคุณภาพและราคาเหมือนของเวียดนาม แต่จะสามารถลดต้นทุนในการขนส่ง 15-20 เหรียญสหรัฐ/ตัน (480.59-640.79 บาท/ตัน)

จากราคาข้าวที่ลดต่ำลง เนื่องจากปริมาณลูกค้าที่ลดน้อยลง ซึ่งทางเวียดนามตั้งใจจะรอคอยให้ราคาลดต่ำลงกว่านี้จึงจะทำการขายอีกครั้ง

ปัจจุบันราคาส่งออกข้าว 5% อยู่ที่ 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน (11,213.83 บาท/ตัน) แต่การส่งออกก็ยังเป็นไปได้ยาก ซึ่งในความเป็นจริงสามารถขายได้อยู่ในระดับราคา 320-330 เหรียญสหรัฐ/ตัน (10,252.64-10,573.04 บาท/ตัน) ทำให้ผู้ส่งออกข้าวอยู่ในสภาวะขาดทุน เนื่องจากต้นทุนในการสั่งซื้อข้าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมจากเกษตรกรอยู่ ที่ 6,600 — 7,000 ดอง/กก.ข้าวสาร (21.34-22.65 บาท/กก. หรือเฉลี่ย 22 บาท/กก.)เวียดนามได้คาดการปริมาณข้าวที่คงเหลืออยู่ในสต็อกปัจจุบันจะมีถึง 1 ล้านตันในสิ้นเดือนเมษายนนี้ โดยขณะนี้ในแต่ละวันก็มีการส่งมอบข้าวหลายพันตันจากกัมพูชามาที่เวียดนามอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ ของเวียดนามต้องขายข้าวที่เป็นผลผลิตในช่วงฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิประมาณ 2 ล้านตัน เพื่อให้มีพื้นที่พอที่จะเก็บสต็อกข้าวในช่วงฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง

ทั้งนี้ สมาคมอาหารเวียดนามพยายามที่จะจัดการระบบการขายให้มีความยืดหยุ่นมากที่สุด โดยปัญหาที่กำลังประสบอยู่ในปัจจุบันนั้นยังไม่ถือว่ารุนแรงมากนัก เนื่องจากเมื่อต้นฤดูที่ผ่านมาได้มีการทำสัญญาซื้อขายไว้จำนวนมากซึ่งได้มีการล็อกราคาไว้ในระดับสูง

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอง เท่ากับ 0.0032362 บาท

--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 26 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2553--

---