สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผยสถานการณ์การส่งออกสินค้ากุ้งและผลิตภัณฑ์ปี 53 พบมีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 2 หมื่นล้านบาท คาดการประสบปัญหาด้านสภาพอากาศที่แปรปรวนของประเทศเพื่อนบ้านจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยในปีนี้ แนะเกษตรกรไม่ควรเลี้ยงกุ้งในปริมาณมากเกินไปเพื่อป้องกันปัญหาราคาตกต่ำ
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การส่งออกสินค้ากุ้งและผลิตภัณฑ์ (ไม่รวมกุ้งก้ามกราม) สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 (ม.ค. — มี.ค.) ปี 2553 พบว่า เพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยมีปริมาณการส่งออกรวม 87,998 ตัน คิดเป็นมูลค่า 20,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.95 และ 26.01 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ส่วนปริมาณการผลิตกุ้งในประเทศมีผลผลิตรวม 94,169 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.14 โดยเป็นกุ้งขาวร้อยละ 99.76 และกุ้งกุลาดำร้อยละ 0.24 ทั้งนี้ คาดว่าผลผลิตในไตรมาสที่ 2 จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ประมาณร้อยละ 25
สำหรับประเทศที่เป็นคู่แข่งส่งออกกุ้งที่สำคัญของไทย เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ผลผลิตมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากประสบปัญหาเรื่องโรคไวรัสกล้ามเนื้อขุ่น (IMN : Infectious Myonecrosis) ระบาด ซึ่งกรมประมงได้ออกประกาศห้ามการนำเข้ากุ้งทะเลจากประเทศดังกล่าวตั้งแต่เดือนเมษายน 2553 เป็นต้นมา รวมทั้งประเทศจีนที่ประสบปัญหาเรื่องสภาพอากาศที่แปรปรวน อากาศหนาวเย็น คาดว่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกกุ้งของไทยในปีนี้ แต่ทั้งนี้เกษตรกรไม่ควรเลี้ยงกุ้งในปริมาณที่มากเกินไป เพื่อป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำที่อาจเกิดขึ้นได้ นายอภิชาต กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--