ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร: ข้าว

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 (รอบ2)

คงเหลือเฉพาะการใช้สิทธิของเกษตรกรถึงสิ้นสุด 31 สค. 53* ยกเว้นภาคใต้ ที่กำลังดำเนินการ ดังนี้

1.1 ประชาคม 6 เม.ย. - 15 ส.ค.53

1.2 ออกหนังสือรับรอง 15 เม.ย.-30 ส.ค.53

1.3 การทำสัญญาประกันรายได้ 20 เมย.-30 สค.53

1.4 การใช้สิทธิของเกษตรกร ไม่เกินวันที่ 15 ธ.ค. 53* ทั้งนี้เกษตรกรสามารถเลือกวันใช้สิทธิได้นับตั้งแต่วันเก็บเกี่ยว และหากเกษตรกรต้องการเปลี่ยนแปลงวันใช้สิทธิ จะต้องแจ้ง ธ.ก.ส. ล่วงหน้าก่อนวันขอใช้สิทธิใหม่อย่างน้อย 3 วัน ทั้งนี้วันขอใช้สิทธิใหม่จะต้องไม่ย้อนหลังจากวันที่แจ้ง

หมายเหตุ : * มติ กขช. ครั้งที่ 9/2553 (10 มิ.ย. 53) เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการใช้สิทธิของเกษตรกร โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 (รอบ2)

1.5 ราคาและปริมาณประกันรายได้เกษตรกร กำหนดปริมาณและราคาประกันรายได้เกษตรกรต่อครัวเรือน ณ ความชื้นไม่เกิน 15% ดังนี้

ข้าวเปลือกปทุมธานี 1 ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน / ครัวเรือน

                    ข้าวเปลือกเจ้า            ตันละ 10,000 บาท   ไม่เกิน  25 ตัน / ครัวเรือน
                    ข้าวเปลือกเหนียว          ตันละ  9,500 บาท   ไม่เกิน  16 ตัน / ครัวเรือน

ภาวการณ์ซื้อขายข้าวในสัปดาห์นี้ ราคาข้าวในตลาดโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อย เนื่องจากผลผลิตข้าวในตลาดมีไม่มากนัก แต่ความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่ต้องการข้าวเพื่อเตรียมส่งมอบลูกค้าต่างประเทศ จึงออกมารับซื้อในราคาที่สูงขึ้น

การส่งออก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม — 23 กรกฎาคม 2553 ประเทศไทยส่งออกข้าวทั้งหมด จำนวน 4,566 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจาก 4,967 ล้านตันข้าวสาร ของการส่งออกข้าวในช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.07 (ที่มา: กรมการค้าภายใน)

1.3 ราคา

ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,335 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,243 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.70

ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 8,049 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 8,001 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.61

ราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวนาปี ที่เกษตรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 15,183 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,835 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.35

ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปรังความชื้น 14-15% ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,973 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,983 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.13

ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,510 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 12,283 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.85

ราคาส่งออก เอฟ.โอ. บี

ราคาข้าวหอมมะลิไทย ชั้น 1 (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 1,003 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ (32,053 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 1,002 ดอลลาร์สหรัฐ (32,005 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.10 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 48 บาท

ราคาข้าวปทุมธานี ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 744 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,776 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 758 ดอลลาร์สหรัฐ (24,252 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.85 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 476 บาท

ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 434 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,869 บาท/ตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 16 บาท

ราคาข้าวสารเจ้า 25% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 399 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,751 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 396 ดอลลาร์สหรัฐ (12,670 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.76 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 81 บาท

ราคาข้าวนึ่ง 5% ส่งออก เอฟ.โอ.บี. เฉลี่ยตันละ 475 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,180 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 468 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,973 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.49 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 207 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 31.9570 บาท

2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ

เวียดนามขยายตลาดข้าวหอมมะลิในฮ่องกง

จากวิกฤติเศรษฐกิจทางการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาลามถึงยุโรป กระทบมาถึงฮ่องกงซึ่งเป็นตลาดส่งออกหอมมะลิอันดับสองของไทย ทำให้คนฮ่องกงประหยัดกันมากขึ้นจึงหันไปบริโภคข้าวที่ราคาถูกจากประเทศเวียดนามและจีนและลดการนำเข้าข้าวจากไทย ทำให้ยอดส่งออกครึ่งแรกของไทยลดลง กล่าวคือ 6 เดือนแรกของปีนี้ฮ่องกงนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยปริมาณ 84,911 ตัน เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้าปริมาณ 102,273 ตัน หรือลดลงกว่าร้อยละ 20

นอกจากนี้ จากที่ฮ่องกงเป็นประเทศที่นิยมบริโภคข้าวคุณภาพสูงโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิจากไทย ซึ่งเดิมรัฐบาลฮ่องกงได้ดำเนินโครงการควบคุมการค้าข้าว เนื่องจากต้องการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าฮ่องกงจะมีข้าวเพียงพอสำหรับการบริโภคและมีข้าวสำรองยามฉุกเฉินด้วย โดยได้ทำข้อตกลงนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยเป็นรายปีแต่ไม่มีข้อผูกมัด แต่ภายหลังจากที่ฮ่องกงเข้ามาเป็นสมาชิก WTO ในปี 2538 รัฐบาลฮ่องกงจะต้องเปิดให้มีการแข่งขันการค้าข้าวอย่างเสรีมากขึ้น จึงได้ดำเนินมาตรการเปิดเสรีการค้าข้าวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา หลังจากปี 2546 รัฐบาลฮ่องกงได้ยกเลิกข้อกำหนดในการนำเข้าข้าวและปล่อยให้ราคาข้าว จำนวนของผู้ประกอบการ และส่วนแบ่งตลาดขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของการแข่งขันอย่างเสรีในตลาดทำให้จำนวนผู้ค้าข้าวเพิ่มขึ้นจาก 50 รายในปี 2546 เป็นประมาณ 103 รายในปี 2552

ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2553 เวียดนามสามารถส่งออกข้าวไปยังฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่มูลค่า 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (351.53 ล้านบาท) ซึ่งเกือบเท่ามูลค่าส่งออกข้าวไปยังฮ่องกงปี 2552 ทั้งปี (มูลค่า 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 383.48 ล้านบาท) ส่วนในครึ่งปีหลังมีนักธุรกิจจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงมีแผนจะนำเข้าข้าวจากเวียดนามเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีผลให้การส่งออกข้าวของเวียดนามในปี 2553 ขยับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่การค้าเวียดนามได้ส่งสัญญาณให้ผู้ส่งออกข้าวให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินค้า บรรจุภัณฑ์และการส่งมอบสินค้าตามเวลา

อนึ่ง ข้าวหอมเวียดนามราคาส่งออกเฉลี่ย 550 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน (17,576.35 บาท/ตัน) ขณะที่ข้าวหอมมะลิของไทยราคาสูงถึง 950 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน (30,359.15 บาท/ตัน) ห่างกันถึง 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน (12,782.80 บาท/ตัน) เนื่องจากปีนี้ผลผลิตน้อย ราคาประกันข้าวเปลือกหอมมะลิสูงถึงตันละ 15,000 บาท ทั้งนี้ จากยุทธศาสตร์ตลาดข้าวไทยที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ตั้งเป้าราคาขายให้ได้ตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (31,957 บาท) เป็นการสวนทางกับสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งลงทุนพัฒนาข้าวหอมมะลิไทย และลดต้นทุนการผลิตเช่นเดียวกับรัฐบาลจีนที่ได้ลงทุนวิจัยพัฒนาข้าวหอมจีนกว่า 20 สายพันธุ์ โดยใช้เงินงบประมาณกว่า 8,000 ล้านหยวนหรือราว 4,000 ล้านบาท จนทำให้ข้าวหอมจีนบางชนิดดีกว่าข้าวหอมมะลิของไทย ซึ่งส่งผลให้บางมณฑลของจีนได้ประกาศไม่นำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยในปัจจุบัน

--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 2 - 8 สิงหาคม 2553--